ปตท.แจงกรรมาธิการพลังงาน ระบุราคาน้ำมันอยู่ในระดับเหมาะสม
“บางคนพูดว่าราคาน้ำมันบ้านเราควรลดลงมา 3 บาทต่อลิตร ตรงนั้นเป็นต้นทุนค่ากลั่น ยังไม่คิดค่ามาร์จิ้น ซึ่งหากทำเช่นนั้นผมคิดว่าคงไม่มีใครกล้ามาลงทุนอีก เพราะปัจจุบันนักลงทุนก็ไม่กล้ามาลงทุนในธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันแล้ว นักลงทุนเหล่านี้เขาไม่ได้โง่ ที่จะมองอะไรไม่ออก ถ้าธุรกิจโรงกลั่นมีกำไรมหาศาลอย่างที่มีคนพูดกัน ป่านนี้คงมีคนเข้ามาลงทุนเยอะไปหมด แต่นี่กลับไม่มีเลย มีเพียงแค่ขยายโรงกลั่นเท่านั้น ผมรู้ว่าทุกคนเดือดร้อน ซึ่งปตท.ยืนยันว่าการบริหารงานของเราก็คำนึงถึงเรื่องเหล่านี้ เพราะถ้าประชาชนเดือดร้อนจนอยู่ไม่ได้ เราก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน เมื่อถึงเวลานั้นถึงผมจะอยู่ เขาก็คงไม่ให้ผมอยู่"
เขากล่าวว่าการบริหารงานของปตท. มีกลไกหลายชั้นและรู้ว่าจะทำอะไรได้ไม่มาก วันนี้ถือว่าประเทศไทยยังโชคดีที่ยังทำธุรกิจพลังงานเป็น ซึ่งเมื่อก่อนเราไม่รู้อะไรเลย และนึกภาพไม่ออกว่าถ้าปตท.ไม่มีธุรกิจขนาดนี้ นโยบายของรัฐหลายอย่างของรัฐบาล ก็คงไม่สำเร็จในทุกเรื่อง
"วันนี้ผมไม่ห่วงแล้วเพราะทั้งธุรกิจไฟฟ้าและแก๊สก็มีกฎหมายมาควบคุม ขณะนี้มีหลายคนสนับสนุนให้ออก พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า เพื่อมาจัดการกับปตท. ผมยินดีอยากให้มีเร็วๆเช่นกัน แต่ต้องคิดมุมกลับว่าถ้ามีกฎหมายแล้วการกดราคาที่ปตท.ทำอยู่นี้อาจถูกทางเชลล์หรือบริษัทอื่นฟ้องว่าเราทุ่มตลาดและผูกขาดการตลาดแน่ ” นายประเสริฐกล่าว
นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า ที่สำคัญเราหนีความจริงไม่พ้นว่าเราต้องอิงราคากันตลาด ซึ่งผลกระทบมีทั่วโลก และสิ่งที่เพ่งเล็งกันก็คือตัวภาษี ทางยุโรปตั้งอัตราภาษีไว้สูงมาก ซึ่งประเทศไทยจะต้องใจแข็งไม่ปรับภาษีเพื่อให้ราคาน้ำมันลดลงมา แต่ต้องส่งเสริมสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนช่วยกันประหยัด และนำเงินที่เก็บจากภาษีส่วนนี้ไปช่วยบริหารประเทศ แต่หากรัฐบาลจะช่วยก็ควรทำแค่ชั่วคราว
"วันนี้ประชาชนเดือดร้อน กระทรวงพลังงานเข้ามาช่วย แต่ก็ทำได้เท่านี้ ไม่เช่นนั้นทุกคนก็จะไม่รู้จักการปรับตัว เหมือนเช่นอดีตที่ผ่านมาที่รัฐบาลชุดไทยรักไทย ที่สั่งตรึงราคาไว้จนหมดงบประมาณไปกว่า 1 แสนล้านบาท และวิกฤติที่จะเกิดขึ้นในอนาคตคือการกดราคาแอลพีจีไว้ โดยไม่ขึ้นราคานานนับ 10 ปี จะเป็นระเบิดเวลาที่รอวันระเบิดอยู่ ซึ่งเข้าใจว่าเป็นสินค้าการเมือง ที่ทุกรัฐบาลต้องมีนโยบายตรึงราคาไว้ในราคาเท่านี้ นอกจากนี้ถ้าทำไม่ดี เอ็นจีวี ก็จะกลายเป็นระเบิดเวลาลูกใหม่" แหล่งข้อมูล
ครม.มีมติเห็นชอบ 3 มาตรการลดภาษีหนุนการใช้น้ำมัน E 85 :งดเก็บอากรนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์-
ลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ร้อยละ20-30
ลดภาษีน้ำมันเหลือ 2.5795/ลิตร
ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังเปิดเผยว่าเนื่องจากราคาน้ำมันในปัจจุบันมีเเนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เเละรัฐบาลมีนโยบายในการส่งเสริมพลังงานทางเลือกต่างๆ ทั้งการใช้ก๊าซธรรมชาติ และการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพที่ใช้วัตถุดิบในประเทศเพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันดิบ และเพื่อให้มาตรการภาษีในการสนับสนุนการใช้น้ำมัน E 85 มีความชัดเจน สอดคล้องกับนโยบาย “ปีเเห่งการลงทุน” เเละความพร้อมของทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศ กระทรวงการคลังจึงให้การสนับสนุนรถยนต์ E 85 เเละน้ำมัน E 85 ดังนี้
1. ยกเว้นอากรขาเข้าชิ้นส่วนสำหรับรถยนต์ E 85 ที่มีลักษณะเฉพาะเเละเป็นอุปกรณ์หลักเพื่อปรับเปลี่ยนมาใช้น้ำมัน E 85 เเละไม่มีผลิตในประเทศเป็นการชั่วคราว 3 ปี (นับตั้งเเต่วันที่กฎหมายมีผลบังคับใช้)
2. ลดอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ E 85 ลงเหลือร้อยละ 25 (เครื่องยนต์ไม่เกิน 2,000 ซีซี) ร้อยละ 30 (เครื่องยนต์มากกว่า 2,000 - 2,500 ซีซี ) และร้อยละ 35 (เครื่องยนต์มากกว่า 2,500 - 3,000 ซีซี) ซึ่งเท่ากับอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ E 20 ในปัจจุบัน
3. ลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมัน E 85 เหลือ 2.5795 บาทต่อลิตรจาก 3.6850 บาทต่อลิตร
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะเร่งดำเนินการออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีผลบังคับใช้โดยเร็วต่อไป แหล่งข้อมูล
