Thursday, July 31, 2008

“มหกรรมรักการอ่าน” 4-8 ก.ย.ที่อิมแพค เมืองทองธานี

ศธ.ทุ่มงบ 13 ล้านจัดงาน “มหกรรมรักการอ่าน” 4-8 ก.ย.โดยมีนิทรรศการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระพี่นางฯ กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน-เศรษฐกิจพอเพียง พร้อมแจกคูปองเด็กด้อยโอกาสซื้อหนังสือคนละ 300 บาท ให้ครูบรรณารักษ์ซื้อหนังสือเข้าห้องสมุดโรงเรียนละ 1 หมื่น

นายกมล รอดคล้าย ที่ปรึกษากระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน กับ “มหกรรมรักการอ่าน” ครั้งที่ 2/2551 โดยมี นายบุญลือ ประเสริฐโสภา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน ว่า หน่วยงานต่างๆ ได้นำเสนอกิจกรรมที่ดูแลรับผิดชอบในงานมหกรรมที่รักการอ่าน ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-8 ก.ย.ที่ อิมแพค เมืองทองธานี โดยมี นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่งงานนี้จะใช้งบประมาณ 13 ล้านบาท

ภายในงานจะมีนิทรรศการเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และกิจกรรมส่งเสริมการอ่านแบ่งเป็นเมืองย่อยๆ ได้แก่ เมืองเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ มีสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ดูแล เมืองการศึกษาตลอดชีวิตและเศรษฐกิจพอเพียงมีสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ดูแลมีการนำห้องสมุดของหน่วยงานต่างๆ เช่น ห้องสมุด กศน.ที เคปาร์ค กทม.มานำเสนอ รวมถึงสถานีโทรทัศน์เพื่อการศึกษา (อีทีวี) เพื่อให้เห็นว่าแหล่งเรียนรู้มีความหลากหลาย และเชิญโรงเรียนที่ได้รับคัดเลือกเป็นโรงเรียนเศรษฐกิจพอเพียงดีเด่นใน 12 เขตตรวจราชการมานำเสนอด้วย

จุดเด่นของงานอยู่ที่ เมืองแห่งนวัตกรรมการเรียนรู้มีนิทรรศการอุดมศึกษาเน้นการพัฒนานวัตกรรมในการอ่านเช่น การใช้เทคโนโลยีไอซีทีเพื่อการอ่าน การใช้สื่อเทคโนโลยีใหม่ๆในการอ่านและเทคนิคการอ่านในประเทศต่างๆ มีสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา (สกอ.) รับผิดชอบ และเมืองแห่งแรงบันดาลใจมีการนำอาร์-เรดิโอของสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา(สอศ.) มานำเสนอการอ่านเพื่อสอนให้เด็กอ่านเพื่อนำความรู้ไปประกอบอาชีพ และมีกิจกรรมแข่งขันการอ่านต่างๆ และมีการแสดงบนเวทีของนักเรียนโรงเรียนต่างๆ และนำผลงานของแต่ละเมืองมาแสดงบนเวทีและเสวนาเชิงวิชาการ

สำหรับงานนี้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะนำนักเรียนจากโรงเรียนต่างๆในเขตพื้นการศึกษาทั่วประเทศมาเที่ยวงาน พร้อมแจกคูปองมูลค่า 300 บาทให้แก่เด็กด้อยโอกาส เลือกซื้อหนังสือ รวมถึงมีการอบรมครูบรรณารักษ์ จำนวน 91 โรงเรียน และให้งบครูบรรณารักษ์โรงเรียนละ 1 หมื่นบาทเพื่อจัดซื้อหนังสือเข้าห้องสมุดโรงเรียน

จาก ผู้จัดการออนไลน์ 30 กค.2551

Wednesday, July 30, 2008

แฉเอกสาร 'ลับที่สุด' ปราสาทพระวิหาร พ.ศ.2505-2551

บวรศักดิ์ อุวรรณโณ' แฉเอกสาร 'ลับที่สุด' ปราสาทพระวิหาร พ.ศ.2505-2551 อ่านรายละเอียด
ประมวลข่าว-ภาพ-เหตุการณ์ เบื้องหน้าเบื้องหลัง ความขัดแย้ง ประวัติความเป็นมา เรื่องในอดีต ''เขาพระวิหาร'' ดูรายละเอียด

Tuesday, July 29, 2008

เปิดศูนย์กลางทรัพยากรความรู้ดิจิทัล

เปิดศูนย์กลางทรัพยากรความรู้ดิจิทัล
มจธ.วางเป้าหมายที่จะให้บริการห้องสมุดดิจิทัลที่ทันสมัย และได้รับการยอมรับจากชุมชนการศึกษาในไทยว่าเป็น “ศูนย์กลางทรัพยากรด้านความรู้” (Knowledge Resource Center) โดย จะทำหน้าที่เป็นหน่วยงานแลกเปลี่ยนข้อมูลการเรียนการสอน การทำงานวิจัยทั้งใน และนอกมหาวิทยาลัย เป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างนักศึกษาและ ผู้สอน อ่านรายละเอียด

Monday, July 28, 2008

แจกใบเหลืองนักศึกษา

ธรรมศาสตร์จะเตือนโดยการแจก "ใบเหลือง"!

ใบเหลืองเหมือนกับที่กรรมการในสนามแข่งขันฟุตบอลแจกให้กับผู้เล่นที่ทำผิดกติกา ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็ใช้การแจกใบเหลืองให้กับนักศึกษาที่แต่งกายไม่เหมาะสม แต่งกายล่อแหลม เพื่อขอความร่วมมือ แต่ถ้ายังไม่ได้ผลก็จะแจก "ใบแดง"

ดร.ปริญญากล่าวว่า ที่เลือกใช้ "ใบเหลือง" เพื่อว่าจะดูไม่รุนแรงเกินไป ซึ่ง "ใบเหลือง" ที่ว่ามีขนาด 4X4.5 นิ้ว ด้านหน้าเป็นลักษณะแบบฟอร์มจดหมายขอความร่วมมือในการแต่งกายที่เหมาะสม ด้านหลังเป็นประกาศมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เรื่อง "การแต่งกายที่ถือว่าเป็นการใช้เสรีภาพเกินกว่าขอบเขตอันเหมาะสม"

กล่าวคือ กรณีนักศึกษาหญิง : เสื้อเอวลอยเหนือสะดือ เสื้อเกาะอก เสื้อสายเดี่ยว เสื้อแขนกุด หรือเสื้อรัดรูปเกินไป กระโปรงที่สั้นจนเกินครึ่งหนึ่งของต้นขาหรือสั้นกว่า กางเกงขาสั้นเลยเข่าขึ้นมา กางเกงเล หรือกางเกงที่เอวต่ำกว่าสะโพก ชุดนอน หรือการแต่งกายลักษณะใดที่เห็นชัดแจ้งว่าเป็นการแต่งกายล่อแหลมจนเกินควร หรือเปิดเผยเนื้อตัวร่างกายจนเกินไปจนมีลักษณะไปในทางยั่วยุทางเพศ...
...นักศึกษาที่แต่งกายลักษณะดังนี้จะถูกห้ามไม่ให้ขึ้นอาคารเรียนหรือเข้าห้องเรียนและห้องสมุด และหน่วยงานต่างๆ ของมหาวิทยาลัยมีสิทธิงดให้บริการได้

รองอธิการบดีฝ่ายนักศึกษา มธ.ชี้แจงว่า "ถ้าแก้ปัญหาด้วยการห้าม การบังคับ จะยิ่งเหมือนทำกับนักศึกษาเหมือนเป็นเด็ก นักศึกษาปี 1 อายุ 18 ปีแล้ว เขาควรจะเป็นผู้ใหญ่ที่รู้จักใช้เสรีภาพ ควรจะเรียนรู้ว่าเสรีภาพมีขอบเขตอยู่ตรงไหน ซึ่งเสรีภาพของการแต่งกายนั้นสิ่งที่กำกับก็คือ "กาละ" และ "เทศะ"
ถ้าเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลอาคาร เห็นนักศึกษาคนใดแต่งกายที่ล่อแหลมเกินไป เจ้าหน้าที่ก็จะให้ใบเหลืองกับนักศึกษาเพื่อเป็นการเตือน ซึ่งวิธีการนี้เราถือว่าเป็นการรณรงค์ให้นักศึกษาแต่งกายให้เหมาะสมและถูกกาละเทศะ เพราะเสรีภาพนั้นต้องควบคู่กับความรับผิดชอบ"

"การแต่งกายของนักศึกษาไม่เกี่ยวกับเรื่องของสิทธิเสรีภาพ แต่เป็นเรื่องของการแต่งตัวอย่างไรให้ถูกกาละเทศะมากกว่า ที่ผ่านมาอาจารย์หลายๆ คนก็ไม่ได้บังคับว่าจะต้องใส่ชุดนักศึกษาเท่านั้นจึงจะเข้าเรียนได้ เพียงแต่ให้แต่งชุดสุภาพ คือ จะต้องใส่กางเกงขายาว ยกเว้นเวลาที่จะต้องติดต่อกับหน่วยงานหรือห้องสมุดที่จะต้องแต่งชุดนักศึกษา"
แหล่งข้อมูล

Sunday, July 27, 2008

กำเนิดล็อตเตอรรี่ในไทย

จากวันนั้นเป็นเวลากว่า 132 ปี ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ออก “ล็อตเตอรี่” เป็นครั้งแรก (พ.ศ.2417) จนถึงวันที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้รับการสถาปนาเป็นรัฐวิสาหกิจ ในสังกัดกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2482 และได้มีพระราชบัญญัติ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ.2517 กำหนดให้มีสถานะเป็นนิติบุคคล มีวัตถุประสงค์เพื่อการออกสลากกินแบ่งรัฐบาล จัดการโรงพิมพ์อันเป็นอุปกรณ์การพิมพ์สลากกินแบ่งรัฐบาล หรือสิ่งพิมพ์อื่นที่คณะกรรมการให้ความเห็นชอบและกระทำการอื่นใดที่เกี่ยวเนื่องหรือที่เป็นประโยชน์แก่การดำเนินการสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยให้จัดสรรรายได้จากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นเงินรางวัลร้อยละ 60 นำส่งเข้ารัฐเป็นรายได้แผ่นดิน ร้อยละ 28 และเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงานและค่าใช่จ่ายในการจำหน่ายสลาก ร้อยละ 12 แหล่งข้อมูล
วิธีตรวจดูสลากบาร์โค้ดด้วยตนเองในเบื้องต้น

Saturday, July 26, 2008

ปตท.กับธุรกิจน้ำมัน

ปตท.โต้พันธมิตรยันเป็นของรัฐจ่ายภาษีปีละ 6หมื่นล้าน แหล่งข้อมูล
ราคาน้ำมันของไทย ทำไมไทยไม่กำหนดเอง แหล่งข้อมูล
ราคาน้ำมัน... ของไทยไม่ได้แพงอยู่คนเดียว แหล่งข้อมูล
ข่าวประชาสัมพันธ์

Thursday, July 24, 2008

ยูเอ็น กรณีเขาพระวิหาร

คณะมนตรีความมั่นคงฯยูเอ็น จะประชุมพิจารณาเรื่องข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ในวันศุกร์นี้ตามเวลาในประเทศไทย
(24ก.ค.) เอเอฟพีรายงานอ้างถ้อยแถลงของนายเล ลวง มินห์ เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำสหประชาชาติ ซึ่งนั่งเก้าอี้ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติอยู่ในขณะนี้ว่า ทางคณะมนตรีฯกำลังพิจารณาข้อเสนอของทางกัมพูชาอยู่ แต่ยังไม่สามารถตกลงใจกันได้ว่าจะจัดให้มีการประชุมฉุกเฉินขึ้น เพื่อพิจารณาเรื่องข้อพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชาขึ้นหรือไม่ หรือถ้ามี จะจัดขึ้นเมื่อไร

ขณะที่นายฌอง มอรีซ ริเพิร์ต เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำยูเอ็น กล่าวว่า จะมีการนำเรื่องนี้ขึ้นมาถกกันอีกครั้ง ในวันพฤหัสบดีตามเวลาในสหรัฐ ซึ่งตรงกับวันศุกร์ตามเวลาประเทศไทย เนื่องจากผู้แทนบางคนยังไม่ได้รับคำแนะนำจากรัฐบาลของตัวเองว่าจะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไร พร้อมเสริมด้วยว่าเป็นห่วงสถานการณ์เรื่องนี้มาก และคิดว่าคณะมนตรีฯ ควรจะมีการประชุมกันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

นายริเพิร์ต ยังกล่าวด้วยว่า สนับสนุนให้อาเซียนเข้ามาเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยกรณีพิพาทเรื่องนี้เพราะทั้งไทยและกัมพูชาต่างเป็นสมา ชิกอาเซียน แต่ก็กล่าวว่า คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น ในฐานะผู้รับประกันสันติภาพและความมั่นคงของโลก นั้นมีความรับผิดชอบในอันที่จะช่วยบรรเทาความตึงเครียด ทำให้สถานการณ์ที่อาจมีผลลัพธ์ร้ายแรงติดตามมานั้นบรรเทาเบาบางลง

นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า หลังกัมพูชายื่นเรื่องไปสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ให้จัดประชุมฉุกเฉินเพื่อพิจารณากรณีปราสาทพระวิหารนั้น ซึ่งยูเอ็นได้จัดประชุมเพื่อพิจารณากรณีปราสาทพระวิหาร คาดว่าประมาณ 12-14 ชั่วโมง (เวลา 02.00-04.00 น. วันที่ 24 กรกฎาคม ในไทยหรือเวลา 14.00-16.00 น. วันที่ 23 กรกฎาคม ในนิวยอร์ก ก็จะมีการนำเรื่องนี้มาดูกันว่าจะเดินไปอย่างไร ซึ่งผลสามารถออกมาเป็นได้ทุกทาง ว่าจะใช้แนวทางทวิภาคีไปก่อนหรือจะนำไปสู่การพิจารณาดูเนื้อหาสาระ โดยฝ่ายไทยติดตามอย่างใกล้ชิด

ล่าสุดสำนักข่าวเอพีรายงานอ้างแหล่งข่าวนักการทูตหลายคนว่า คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีแผนจัดการประชุมวาระพิเศษขึ้นในสัปดาห์หน้า เพื่อป้องกันไม่ให้กรณีพิพาทเรื่องพรมแดนระหว่างไทย-กัมพูชาบานปลาย กลายเป็นการเผชิญหน้ากันทางทหาร ภายหลังจากที่สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ไม่ได้ยื่นมือเข้ามาแก้ปัญหาเรื่องนี้
แหล่งข้อมูล

Wednesday, July 23, 2008

กัมพูชารณรงค์ต้านสินค้าไทย ยูเอ็นจะโหวตเปิดประชุมฉุกเฉินปมไทย-เขมร

จับตาผลโหวตของคณะมนตรีความมั่นคง ยูเอ็น ที่จะตัดสินว่าจะจัดประชุมฉุกเฉินปัญหาเรื่องไทย-กัมพูชาหรือไม่ในวันที่ 24 ก.ค.นี้ 'เขมร' แจกใบปลิวเรียกร้องปชช.ต้านสินค้า-บริการไทย 'อาเซียน' ยกเลิกความพยายามไกล่เกลี่ยปมพระวิหาร หลังไทยยันควรแก้ในระดับทวิภาคี
พรุ่งนี้ยูเอ็นจะโหวตตัดสินจัดประชุมฉุกเฉินถกปมไทย-เขมรหรือไม่
นายดอน ปรมัตถ์วินัย เอกอัครราชทูต และผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ กล่าวเมื่อวันที่ 23 ก.ค. ว่า ไทยได้ส่งหนังสือถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทั้ง 15 ชาติแล้ว เพื่อยืนยันเจตนารมย์ของไทยที่จะยุติข้อพิพาทกับกัมพูชาผ่านการเจรจาระดับทวิภาคี โดยเราได้ส่งหนังสือดังกล่าวหลังจากกัมพูชาได้ยื่นเรื่องขอให้สหประชาชาติเข้ามาไกล่เกลี่ยกรณีพิพาทกับไทยเรื่องชายแดนบริเวณปราสาทพระวิหาร
นายดอน กล่าวต่อว่า กัมพูชาต้องการให้คณะมนตรีความมั่นคงจัดการประชุมฉุกเฉินเพื่อหารือเรื่องนี้ในวันจันทร์ที่ 28 ก.ค. แม้ทางการไทยคัดค้าน อย่างไรก็ตาม ไทยจะพิจารณาการดำเนินการต่อไปโดยขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคณะมนตรีความมั่นคงเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว

"คณะมนตรีความมั่นคงจะจัดประชุมพรุ่งนี้ และเราจะดูว่าจะมีมติจัดการประชุมฉุกเฉินตามการเรียกร้องของกัมพูชาหรือไม่ เราจะรอดูปฏิกริยาของสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงและนัยสำคัญใดๆ ซึ่งจะกระทบต่อไทย" นายดอนกล่าว และว่า ไทยไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการของกัมพูชาตั้งแต่ต้น เพราะวิตกว่าอาจบั่นทอนความเป็นเอกภาพของสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

'กัมพูชา'แจกใบปลิวเรียกร้องปชช.ต้านสินค้า-บริการไทย

มีรายงานข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศ เปิดเผยเมื่อวันที่ 23 ก.ค. ว่า พ.ต.อ.ทัช นาโรธ ผู้บัญชาการตำรวจกัมพูชา กล่าวถึงกรณีพิพาทระหว่างไทยและกัมพูชา เรื่องปราสาทพระวิหาร และมีรายงานว่า มีการแจกใบปลิวในกรุงพนมเปญ เพื่อเรียกร้องให้คว่ำบาตรสินค้าและบริการของไทย ส่งผลให้ตำรวจกัมพูชาต้องเร่งสอบสวนหาที่มาของใบปลิว ว่า ทางการกัมพูชาไม่ต้องการเห็นการกีดกันสินค้าไทย และไม่ต้องการเห็นประชาชนถูกปลุกระดมด้วยวิธีนี้ ในช่วงที่รัฐบาลกำลังหาทางคลี่คลายข้อขัดแย้งกับประเทศไทย

ส่วนกรณีที่กัมพูชาพยายามร้องขอคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เข้าแทรกแซงนั้น นายดอน ปรมัตถ์วินัย เอกอัครราชทูตไทยประจำองค์การสหประชาชาติ กล่าวว่า เป็นแผนการของกัมพูชา ที่ไม่ได้ต้องการแค่ปราสาทพระวิหารเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการพื้นที่ทับซ้อนที่ติดกับแนวพรมแดนไทยทั้งหมดด้วย

นายดอน กล่าวต่อว่า กัมพูชาพยายามบังคับให้ไทยยอมรับแผนที่ที่ปักปันเขตแดนที่ฝรั่งเศสเป็นผู้ร่างขึ้น ในยุคล่าอาณานิคม ขณะที่ไทยกลับต้องการให้ใช้แผนที่อีกชุดที่ร่างขึ้นในภายหลัง โดยมีเจ้าหน้าที่ของสหรัฐคอยช่วยเหลือทางเทคนิค

'อาเซียน'ยกเลิกความพยายามไกล่เกลี่ยปมพระวิหาร

เมื่อวันที่ 23 กรกฏาคม นายกัล คิม ฮอน ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา คาดหวังว่าคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ จะนำข้อพิพาทพรมแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา เข้าหารือในที่ประชุม โดยระบุว่า การที่อาเซียนไม่สามารถแทรกแซงด้วยการจัดตั้งคอนแทกต์ กรุ๊ป (Contact Group) เพื่อดูแลปัญหานี้ได้ ทำให้กัมพูชาต้องขอความช่วยเหลือจากคณะมนตรีความมั่นคงฯ

มีรายงานว่า ขณะนี้รัฐมนตรีอาเซียนเริ่มกลับไปสนใจปัญหาความมั่นคงในภูมิภาค ก่อนที่จะมีการประชุมเออาร์เอฟ (ARF) ร่วมกับประเทศคู่เจรจา 16 ประเทศ ซึ่งรวมถึงสหรัฐอเมริกา รัสเซีย และสหภาพยุโรป ในวันพรุ่งนี้ (23 ก.ค.) และยกเลิกความพยายามเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชา หลังจากไทยยืนยันว่า ต้องการแก้ไขปัญหาในระดับทวิภาคี

ขณะที่มีรายงานว่า สหรัฐฯ ชื่นชมอาเซียนว่าเป็นองค์กรที่ประเทศผู้มีปัญหาสามารถพึ่งพิงแก้ไขปัญหาได้ แม้ที่ผ่านมาอาเซียนจะไม่ประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหา เนื่องจากยังยึดมั่นในข้อตกลงไม่แทรกแซงกิจการภายในประเทศสมาชิก

นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน กล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพี ว่า ไม่รู้สึกวิตกต่อการที่ไทยจะเป็นประธานกลุ่มอาเซียน แม้กำลังเผชิญปัญหาข้อพิพาทกับกัมพูชา อีกทั้งยังไม่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แต่ไทยในฐานะที่เป็นหนึ่งในชาติสมาชิกที่ร่วมก่อตั้งกลุ่มอาเซียน มีประสบการณ์ด้านการทูตในภูมิภาค จึงมั่นใจได้ว่าไทยจะไม่ทำให้ชาติสมาชิกผิดหวัง

ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศของอินโดนีเซีย ระบุว่า ผู้แทนไทยยืนยันกับชาติสมาชิกว่า จะปฏิบัติหน้าที่ประธานอาเซียนอย่างมืออาชีพ

'สมัคร'ระบุให้'กัมพูชา'เล่นไปก่อน เชื่อหลังเลือกตั้งสงบ

นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันที่ 23 ก.ค.ถึงปัญหาระหว่างไทยและกัมพูชา ว่า ตอนนี้เป็นเรื่องของกัมพูชา เราจะเปิดโอกาสให้กัมพูชาเล่นข้างเดียวไปก่อน โดยที่ไทยไม่จำเป็นต้องเล่นตาม ทั้งนี้ ได้สั่งการให้กระทรวงต่างประเทศเป็นผู้ดูแลเรื่องนี้แล้ว นอกจากนี้ คิดว่ายังไม่จำเป็นโทรศัพท์คุยกับสมเด็จฯ ฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ตอนนี้ เพราะตนเชื่อว่า ภายหลังการเลือกตั้งในประเทศกัมพูชาจบลงแล้ว ความขัดแย้งจะเบาบางลงและจะสามารถพูดคุยกันง่ายขึ้น ซึ่งตนขอยืนยันว่า ตอนนี้ประเทศไทยไม่ได้มีอะไรเสียหาย

นายสมัคร กล่าวว่า จะต้องคุยกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาในจังหวะที่เหมาะสม ทั้งนี้ ตนต้องการหลีกเลี่ยงการตอบโต้เรื่องนี้รายวัน เพราะอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งตนมั่นใจว่าจะสามารถรักษาดินแดนไทยได้แน่นอน โดยจะอธิบายเรื่องนี้ให้ฟังในรายการ 'สนทนาประสามัคร'

'บัน คี มุน'วอนไทย-เขมรต้องอดกลั้น แก้ปม'พระวิหาร'

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายบัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติ(ยูเอ็น) ออกแถลงการณ์แสดงความวิตกต่อกรณีข้อพิพาทเรื่องดินแดนระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชา พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทั้ง 2 ฝ่ายพยายามใช้ความอดกลั้นและอดทน

แถลงการณ์ของเลขาธิการยูเอ็น ระบุเพิ่มเติมว่า หวังว่าปัญหาข้อพิพาทที่เกิดขึ้นจะสามารถคลี่คลายด้วยสันติวิธีและช่องทางการทูต

'จำลอง'จี้รบ.ปิดชายแดนเขมร ชี้ไทยศักยภาพเหนือกว่า

พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวเมื่อวันที่ 23 ก.ค. ว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงจุดยืนเกี่ยวกับปัญหาระหว่างไทยและกัมพูชา กรณีพื้นที่ทับซ้อนเขาพระวิหาร โดยการสั่งปิดพรมแดนไทยและกัมพูชา ลาออกจากยูเนสโก้ และชี้แจงกับประเทศและหน่วยงานต่างๆ ว่าประเทศไทยได้ยกเลิกแถลงการณ์ร่วมไทยและกัมพูชา กรณีรับรองการขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชา ซึ่งเป็นสัญญาระหว่างประเทศที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ

'ต้องไปฟังเขา (กัมพูชา) เรื่อย เขาเป็นคนกำหนดว่าจะต้องอย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งที่เรามีศักยภาพเหนือกว่าเขา ที่เป็นทั้งหมดนี้ก็เป็นตัวอย่างที่เราทราบว่า เป็นเพราะมีเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัวเข้ามาแอบแฝง ดังนั้น ถ้ารักชาติเสียอย่าง ปัญหานี้จะไม่เกิดขึ้น' พล.ต.จำลอง กล่าว

พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า ขณะนี้ไม่มีใครต้องการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แต่ฝ่ายการเมืองต้องเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้

'มาร์ค' ชี้ยูเอ็นไม่จำเป็นต้องเข้าคลี่คลายปมพระวิหาร
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเมื่อ 23 ก.ค. ถึงกรณีข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร ระหว่างไทย - กัมพูชา เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ว่า เมื่อทั้งสองประเทศยืนยันว่าจะใช้แนวทางสันติวิธี ก็ไม่ควรนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่เวทีอื่นๆ อีก และประเทศไทยต้องชี้แจงให้สหประชาชาติ ทราบว่า ประเทศไทยกับประเทศกัมพูชาก็เป็นประเทศที่อยู่ในกลุ่มประเทศอาเซียนด้วยกัน และในกลุ่มประเทศอาเซียนก็มีท่าทีชัดเจนว่าสามารถบริหารจัดการได้ในระดับทวีภาคี ดังนั้น จึงไม่มีความจำเป็นอะไรที่สหประชาชาติต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง และเห็นว่ารัฐบาลต้องทำหนังสือชี้แจงต่อนานาประเทศให้รับทราบในการรักษาสิทธิ์ของตัวเองและมีความพร้อมที่จะร่วมเจรจากับกัมพูชา

ทั้งนี้ เห็นว่ามีความเป็นไปได้ที่จะยกระดับเรื่องนี้เข้าสู่ศาลโลก แต่ได้เสนอแนะรัฐบาลแล้วว่า ต้องทำงานหนักในการรุกทางการทูตในเวทีระหว่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่า หากรัฐบาลสามารถชี้แจงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เชื่อว่าจะทำให้นานานประเทศมั่นใจว่ากรณีข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร จะสามารถแก้ไขได้ในระดับทวิภาคี โดยรัฐบาลต้องมีความชัดเจน จริงจัง ตั้งแต่ผู้นำและผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ซ้ำรอยเหมือนปี 2505

'ปองพล'จี้'หมัก'ตั้งรมว.บัวแก้ว-เพิ่มรมช.อีกตำแหน่ง
นายปองพล อดิเรกสาร ประธานคณะกรรมการมรดกโลกประจำประเทศไทย กล่าวเมื่อ 23 ก.ค. ถึงกรณีที่กัมพูชาจะยื่นขอให้สหประชาชาติ(ยูเอ็น) หารือด่วนกรณีความพิพาทพื้นทับซ้อนบริเวณปราสาทเขาพระวิหารไทย-กัมพูชาว่า เป็นการฉวยจังหวะที่ไทยยังไม่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีต้องเร่งแต่งตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อผลักดันนโยบาย และต้องมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศ มาช่วยทำหน้าที่ด้วย เพราะภารกิจของกระทรวงการต่างประเทศค่อนข้างมาก รวมถึงต้องระดมความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญกฎหมายระหว่างประเทศเพื่อร่วมแก้ไข และกำหนดให้มีท่าทีแต่ละขั้นตอนทั้งกรณีที่กัมพูชาจะยื่นฟ้องต่อยูเอ็น หรือฟ้องศาลโลกก็ตาม และต้องอาศัยขอบข่ายในต่างประเทศที่มาในการช่วยกัน เพื่อให้ทันต่อเกมที่กัมพูชาดำเนินการ

นายปองพล คาดด้วยว่า หลังการเลือกตั้งในกัมพูชาแล้วการเจรจาน่าจะดีขึ้น แต่ปัญหาภายในไทยอาจจะส่งผลต่อการทำงานได้ จึงอยากเรียกร้องให้เกิดเอกภาพขึ้นภายในประเทศ เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาได้อย่างเต็มที่

'สมัคร'ไม่แสดงจุดยืน'พระวิหาร' บอกเป็นหน้าที่'บัวแก้ว'
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันที่ 23 ก.ค. ว่า ไม่ขอแสดงความเห็นเกี่ยวกับปัญหาชายแดนไทยและกัมพูชา บริเวณเขาพระวิหาร เพราะกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ดูแลเรื่องนี้ ส่วนกรณีที่กัมพูชาจะนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) นั้น ถือเป็นเรื่องของกัมพูชา
เมื่อถามว่า จะต้องพูดคุยเรื่องนี้กับสมเด็จฯ ฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา หรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศจะกำหนดท่าทีดังกล่าว และไม่ขอแสดงความเห็นกรณี พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เรียกร้องให้มีการเจรจาระหว่างผู้นำของทั้งสองประเทศ


ทูตไทยยอมรับยูเอ็นรับปมพระวิหาร เป็นวาระฉุกเฉินแล้ว


นายดอน ปรมัตถ์วินัย เอกอัครราชทูตและผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์เช้าวันนี้ (23 ก.ค.) โดยยอมรับว่า ล่าสุดทางองค์การสหประชาชาติหรือยูเอ็น ได้บรรจุคำร้องของกัมพูชาที่ต้องการให้สหประชาชาติเข้ามาเป็นตัวกลางในการไกล่เกลี่ยกรณีพิพาทปัญหาเขาพระวิหารเป็นวาระฉุกเฉินแล้ว ขณะที่ทางกัมพูชาพยายามรวบรัดดำเนินการในเรื่องนี้อย่างจริงจัง ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามข้อบังคับของยูเอ็น ที่เมื่อมีประเทศร้องเรียนปัญหาเข้ามา ก็สามารถเรียกประชุมฉุกเฉินได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ประเทศไทยไม่คาดคิดมาก่อน โดยขณะนี้ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด กำลังหาแนวทางเพื่อกำหนดท่าทีที่ชัดเจนของไทย
ทั้งนี้ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานโดยตรงในการพิจารณาเรื่องดังกล่าว มีสมาชิกทั้งหมด 15 ประเทศ โดยมีจีน ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา รัสเซียและอังกฤษ เป็นสมาชิกถาวร และอีก 10 ประเทศจะหมุนเวียนกันไป โดยขณะนี้มีประเทศเวียดนาม เป็นประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งเป็นประเทศในภูมิภาคเอเชียเพียงประเทศเดียว ที่เข้าร่วมเป็นสมาชิกอยู่ในขณะนี้ ซึ่งไทยมีความหวังจากท่าทีของเวียดนามในขณะนี้ที่ยังวางตัวเป็นกลางในเรื่องนี้อยู่

มทภ. 2 ยันเสริมกำลังทหารเพิ่มหลังมีข่าวเขมรเพิ่มรถถัง
พลโทสุจิตร สิทธิประภา แม่ทัพภาคที่2 เปิดเผยที่กองทัพภาคที่ 2 อ.เมืองฯ จ.นครราชสีมา เมื่อ 23 ก.ค. ภายหลังรับมอบเครื่องอุปโภคบริโภคจากสโมสรไลอ้อนโคราชไปช่วยทหารไทยที่ตรึงกำลังอยู่บริเวณเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ ถึงความคืบหน้าสถานการณ์บริเวณชายแดนเขาพระวิหารว่าขณะนี้กำลังทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณชายแดนเขาพระวิหารมีขวัญและกำลังใจที่เข้มแข็งมีความอดทนขอให้ประชาชนชาวไทยไม่ต้องเป็นห่วงส่วนกรณีที่วันหยุดสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้จะมีกลุ่มมวลชนเดินทางไปชุมนุมและอาจเกิดการปะทะกันอีกครั้งนั้นทางกองทัพภาคที่2 ได้ประสานงานกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษและตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมาในการดูแลพี่น้องประชาชนในพื้นที่เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ปะทะกันซ้ำอีกตอบข้อถามการที่มีข่าวว่าฝ่ายกัมพูชาเสริมกำลังรถถังเข้ามาในพื้นที่เขาพระวิหารนั้นทางกองทัพภาคที่2 ได้เสริมกำลังเพิ่มเติมหรือไม่ พลโทสุจิตรฯ ตอบว่าในการปฏิบัติงานก็จะมีข่าวว่าทางฝ่ายกัมพูชามีการเพิ่มเติมกำลังซึ่งในส่วนของกองทัพภาคที่ 2ก็จะต้องดำเนินการในภาระหน้าที่ของทหารที่จะต้องดำเนินการเช่นเดียวกัน
โดยได้ดำเนินการเพื่อประกันความสำเร็จในหน้าที่ของทหารทั้งนี้ในส่วนของกำลังพลในพื้นที่ได้มีการปฏิบัติงานร่วมกับทางฝ่ายทหารของกัมพูชาจึงทำให้มีความสนิทสนมและรู้จักมักคุ้นกันดีซึ่งในระดับผู้บังคับบัญชาในพื้นที่ทั้งสองฝ่ายสามารถพูดคุยตกลงกันได้เพื่อป้องกันไม่ให้มีการปะทะกันเกิดขึ้นทั้งนี้การที่ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.ทหารสูงสุด บอกว่าการที่ฝ่ายกัมพูชานำกรณีเขาพระวิหารไปฟ้องต่อสหประชาชาติทำให้ความขัดแย้งยุติลงยากนั้นตนคิดว่าเรื่องดังกล่าวเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องแก้ไขปัญหาและไปทำความเข้าใจกับต่างชาติส่วนเรื่องการซ้อมหลบภัยของประชาชนในพื้นที่บริเวณดังกล่าวนั้นก็เป็นการเตรียมการณ์กรณีที่อาจเกิดมีการปะทะกันเกิดขึ้นซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่ต้องมีการเตรียมพร้อมผู้สื่อข่าวถามว่า ทางรัฐบาลควรจะแต่งตั้งรมว.ต่างประเทศโดยเร็วเพื่อแก้ไขปัญหาเขาพระวิหารหรือไม่ แม่ทัพภาคที่ 2ได้อมยิ้มและหัวเราะ โดยบอกว่าเป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะดำเนินการ

'กุเทพ'ค้านเขมรดึงยูเอ็นร่วมเจรจา ชี้เป็นปัญหา2ปท.

ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯ ได้เชิญนายกฤต ไกรจิตติ อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย และนายปองพล อดิเรกสาร ประธานคณะกรรมการมรดกโลกประจำประเทศไทย มาให้ข้อมูลเรื่องปราสาทพระวิหารมาให้ข้อมูล เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อนต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งมองว่า สถานการณ์ขณะนี้เกี่ยวข้องกับการเมืองและหลังเลือกตั้งในกัมพูชา วันที่ 27 กรกฎาคมนี้ สถานการณ์จะดีขึ้น และกรรมาธิการต่างประเทศของไทยจะรอหารือกับคณะกรรมาธิการการต่างประเทศของกัมพูชา เพื่อหาทางออกร่วมกัน

อย่างไรก็ตาม ร.ท.กุเทพ กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่กัมพูชาส่งจดหมายให้สหประชาชาติเข้ามาช่วยเจรจานั้น ไม่เห็นด้วย เพราะในฐานะประเทศเพื่อนบ้านควรจะมีการเจรจาแบบทวิภาคี เพราะถือว่าเป็นปัญหาระหว่างสองประเทศจึงไม่ควรให้เวทีนานาชาติเข้ามากดดัน
ร.ท.กุเทพ กล่าวต่อว่า ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะรัฐบาลยังไม่มีรมว.ต่างประเทศคนใหม่นั้น เรื่องนี้คงไม่เกี่ยวข้องโดยตรง เพราะรัฐบาลมีรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศอยู่แล้ว ขณะเดียวกันการเจรจาที่ไม่คืบหน้า เพราะกัมพูชาอยู่ระหว่างการเลือกตั้ง ซึ่งยังไม่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศคนใหม่ด้วยเช่นกัน

ผบ.สส. แนะผู้นำ 2 ประเทศหารือแก้ข้อพิพาท
ผู้บัญชาการทหารสูงสุด แนะผู้นำ 2 ประเทศหารือแก้ปัญหาพิพาทปราสาทพระวิหาร พร้อมเตือนไทยหากต้องขึ้นศาลโลก ให้ใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากมีบทเรียนในอดีต
พลเอกบุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวก่อนเดินทางไปร่วมประชุมคณะกรรมการระดับสูงที่ประเทศอินโดนีเซีย ถึงกรณีพิพาทปัญหาปราสาทพระวิหาร ระหว่างไทย-กัมพูชาว่า จะใช้โอกาสนี้ชี้แจงทำความเข้าใจกับอินโดนีเซีย ยืนยันว่าการหารือระดับทวิภาคียังเป็นช่องทางที่เหมาะสมในการแก้ปัญหานี้ แต่หากการหารือคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ จีซีบี ไม่เป็นผล ก็ควรให้ผู้นำระดับสูง 2 ประเทศหารือ เนื่องจากมีอำนาจตัดสินใจ และหากกัมพูชาจะนำกรณีพื้นที่ทับซ้อนขึ้นศาลโลก ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวว่า ไทยต้องระวังเพราะมีบทเรียนจากอดีตมาแล้ว แต่ไทยก็มีสิทธิเลือกจะขึ้นศาลโลกคู่กัมพูชาหรือไม่ก็ได้
ผู้บัญการทหารสูงสุด กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศต้องเร่งชี้แจงให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องต่อนานาชาติ โดยขณะนี้จำนวนทหารไทยในพื้นที่มีน้อยกว่าทหารกัมพูชา จึงไม่น่าหวั่นวิตกต่ออธิปไตยหรือการเสียบูรณภาพแห่งดินแดนตามที่กัมพูชาชี้แจงต่อนานาชาติ ทั้งนี้ในการประชุมจีซีบี ไทย-กัมพูชา ยืนยันว่าจะไม่มีการเพิ่มกำลังทหารในพื้นที่ ขณะเดียวกันตนเองก็ได้กำชับไม่ให้ทหารไทยกระทำการใดๆ เป็นเหตุจุดชนวนให้สถานการณ์ตึงเครียด

นักวิชาการชี้ปัญหาการเมืองภายใน ชนวน'พระวิหาร'
นายสมชาย ปรีชาศิลปกุล คณบดีคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุว่า กรณีปัญหาปราสาทพระวิหารที่เกิดความขัดแย้งรุนแรง เป็นผลมาจากปัญหาการเมืองภายในประเทศ ร้องขอให้ทุกคนช่วยกันหยุด ไม่ว่าใครก็ตามที่พยายามใช้กระแสชาตินิยมเพื่อให้เกิดความรุนแรง ต้องช่วยกันประณามไม่ให้การกระทำนี้เกิดขึ้น ควรใช้เวทีในการเจรจาอย่างสันติกับการแก้ปัญหานี้ ไม่ใช่การแก้ปัญหาด้วยการใช้ความรุนแรง
ทั้งนี้ นายสมชาย ยังระบุว่า การใช้ประเด็นค่านิยมมาปลุกเร้าให้เกิดความเกลียดชังรัฐบาลและคนไทยด้วยกัน ซึ่งผู้ได้ประโยชน์ไม่ใช่สังคมส่วนรวม แต่เป็นกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่แสวงหาประโยชน์ให้กับตนเอง

เผย'ยูเอ็น'จะชี้ชัดรับไต่สวนกรณี 'ไทย-กัมพูชา' พรุ่งนี้
นายดอน ปรมัตถ์วินัย เอกอัครราชทูตและผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ในรายการ 'ข่าวเช้า โมเดิร์นไนน์' ถึงกรณีข่าวที่ระบุว่า คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจะจัดประชุมฉุกเฉินกรณีข้อพิพาทพื้นที่ทับซ้อนบริเวณเขาพระวิหาร ว่า เป็นความต้องการของกัมพูชาที่ต้องการให้สหประชาชาติประชุมฉุกเฉินในวันที่ 28 กรกฎาคมนี้ ทั้งนี้ วันที่ 24 กรกฎาคมนี้ กระบวนการแรกในสหประชาชาติจะเริ่มขึ้น เพราะหนังสือของกัมพูชาจะเวียนถึง 15 ประเทศสมาชิก ซึ่งที่ประชุมก็จะพิจารณาดูว่า จะดำเนินการตามที่ร้องขอหรือไม่ ส่วนของประเทศไทยได้ทำหนังสือเวียนไปแล้วเช่นกัน โดยระบุว่าปัญหาดังกล่าว ทั้งสองฝ่ายกำลังดูแลอยู่ และมีปัญหากันมานานแล้ว
นายดอน กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวสหประชาชาติจะรับไต่สวนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความสนใจของแต่ละประเทศเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าเป็นอย่างไร ซึ่งประเทศไทยต้องติดตามผลดังกล่าวจึงจะดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ หากมีประชุมจริง ผลจะเกิดประเทศไทยจะเป็นอย่างไร แต่เราบอกแล้วตั้งแต่ต้นว่า ไม่อยากให้มีการประชุม เพราะเหมือนกระทบฐานของอาเซียน

เขมรร้องยูเอ็นประชุมฉุกเฉิน
ก่อนหน้านี้ ผู้สื่อข่าวรายงานจากสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม ว่า กัมพูชาเปิดฉากรุกทางการทูตครั้งใหญ่หลังการเจรจาในที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีซีบี) เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา ไม่ประสบผล โดยนอกจากสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา จะทำหนังสือฟ้องร้องไปยังสำนักงานองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) แล้ว ยังยื่นเรื่องไปยังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เรียกร้องให้จัดการประชุมฉุกเฉิน ในเวลาเดียวกัน นายฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา ยังเคลื่อนไหวยื่นเรื่องเรียกร้องให้อาเซียนจัดตั้งทีมไกล่เกลี่ยข้อพิพาท และเชิญบรรดาทูตจากประเทศที่รับตำแหน่งอยู่ในคณะมนตรีความมั่นคงมาพบเพื่อแถลงกล่าวหาว่าไทยรุกรานดินแดนของตนอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวระบุว่า คณะผู้แทนไทยในการประชุมอาเซียนที่ประเทศสิงคโปร์พยายามหาทางออกในกรณีนี้ โดยขอหารือทวิภาคีเป็นกรณีพิเศษกับสิงคโปร์ ก่อนชี้แจงในที่ประชุมอย่างไม่เป็นทางการระหว่างการรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันของรัฐมนตรีอาเซียนและประเทศคู่เจรจา

ตั้งป.ป.ช.ทั้งคณะไต่สวนครม.
วันเดียวกัน นายกล้านรงค์ จันทิก โฆษกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวภายหลังประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่า ที่ประชุมมีมติตั้งคณะกรรมการไต่สวนคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้งคณะ กรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและ ส.ว. ยื่นขอให้ดำเนินคดีอาญาจากมติ ครม.ที่สนับสนุนการลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา กรณีเขาพระวิหาร โดยให้ ป.ป.ช.ทั้งคณะเป็นผู้ดำเนินการไต่สวน และให้ น.ส.สมลักษณ์ จัดกระบวนพล กรรมการ ป.ป.ช. เป็นผู้รับผิดชอบสำนวน

หวังหลังเลือกตั้งเขมรคุยง่ายขึ้น
พล.อ.บุญสร้างกล่าวว่า กัมพูชาไม่ได้ขอให้มีการหารือหลังการเลือกตั้งวันที่ 27 กรกฎาคม ส่วนจะมีหรือไม่ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาของสองฝ่าย การหาข้อสรุปต่างๆ ของกัมพูชาขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาระดับบนมากๆ หากเขามีจุดยืนอย่างข้างต้น คงยากมาก คิดว่าปัญหายังไม่จบ และคงจะต้องหาคนมาพูดคุยเจรจากับสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา
เมื่อถามว่า นายกฯเชื่อว่าหลังการเลือกตั้งน่าจะคุยกันรู้เรื่องมากกว่านี้ใช่หรือไม่ พล.อ.บุญสร้างกล่าวว่า รู้สึกว่าเชื่ออย่างนั้น แต่คิดว่าบรรยากาศต้องดีขึ้นแน่นอน เมื่อถามย้ำว่า เมื่อพรรครัฐบาลเขมรชนะเลือกตั้งยิ่งคุยกันได้ง่ายขึ้นใช่หรือไม่ พล.อ.บุญสร้างกล่าวว่า 'ผมว่าง่ายเลย น่าจะพูดกันได้ไม่ยาก เพราะต้องยอมรับว่ากัมพูชาเขาอ่อนไหวยิ่งกว่าของเรา อย่างเรื่องเส้นเขตแดน เพราะประชาชนของเขาคิดว่าประเทศกัมพูชาล้อมรอบด้วยประเทศใหญ่ที่รังแกเขา ทั้ง เวียดนาม และไทย ดังนั้น จึงอ่อนไหวในเรื่องเขตแดนตลอดเวลา'

จากนั้น พล.อ.บุญสร้างให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 อีกครั้งว่า การหาข้อยุติไม่ได้มาจากพื้นฐานที่ทั้งสองประเทศใช้แผนที่คนละฉบับ โดยกัมพูชาใช้แผนที่ของฝรั่งเศส ขณะที่ไทยใช้ระบบสันปันน้ำของสหรัฐ และข้อที่ยอมไม่ได้คือ ถ้อยคำที่จะให้ตกลงกัน
'ไม่ใช่ว่า เขารับไม่ได้ ที่เราจะไปอ้างสิทธิทั้งหมด แค่เราอ้างว่ามีส่วนเขาก็รับไม่ได้ คำพูดในนั้นจะเป็นลักษณะอย่างนั้น เขาก็ไม่ยอม เราก็ไม่ยอม และคิดว่าไม่ล้มเหลว คือ มีความสบายใจด้วยกันทั้งสองฝ่ายว่าทหารที่เผชิญหน้ากันอย่าให้เลวร้ายกว่านี้อีก และไม่ไปเพิ่มกำลังทหารเข้ามา' พล.อ.บุญสร้างกล่าว และว่า ตอนนี้คนไทยต้องใช้สติปัญญา อย่าใช้อารมณ์ หาทางออกอย่างสร้างสรรค์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องทำหน้าที่ให้ดีและรอบคอบ เปิดเผย โปร่งใสต่อประชาชน แต่ปรากฏว่า งานนี้กลับตีกันเองทำให้แพ้ภัยให้กับต่างประเทศด้วย

ผบ.ทร.ชี้ไม่เกี่ยวพท.ทับซ้อนทะเล
ที่ราชนาวีสโมสร พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) กล่าวว่า ปัญหานี้จะไม่กระทบกับพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล เพราะเป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก ต้องมีคณะกรรมการคุยกันอีกชุดหนึ่ง ทั้งนี้ พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลมีเยอะ เจรจากันมาโดยตลอด พื้นที่ทับซ้อนเป็นพื้นที่ใหญ่มีผลประโยชน์อยู่ เจรจากันมาหลายครั้งยังไม่ลงตัวเหมือนกัน แต่ไม่มีเรื่องขัดแย้งกัน คนละเรื่องกับเขาพระวิหาร

คาด'สหัส' นั่งเก้าอี้ 'บัวแก้ว'รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ในการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งนี้ คาดว่า นายสหัส บัณฑิตกุล รองนายกรัฐมนตรี จะได้รับแต่งตั้งให้ควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แม้ว่านายวิกรม คุ้มไพโรจน์ จะมีประสบการณ์รับราชการในกระทรวงการต่างประเทศ แต่มีจุดอ่อนคือใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มากเกินไป อาจมีปัญหาในการบริหารงานเหมือนนายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีการต่างประเทศ

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายกฯควรจะเร่งปรับคณะรัฐมนตรีเพื่อให้มีรัฐมนตรีการต่างประเทศโดยเร็ว เพื่อมาเร่งแก้ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนรอบปราสาทพระวิหาร ขณะนี้เหมือนกับไทยไม่ได้กำหนดทิศทางภายในให้ชัดเจนจากฝ่ายนโยบายคือนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีการต่างประเทศ ทำให้เจ้าหน้าที่แต่ละฝ่ายจะปฏิบัติลำบาก

วุฒิสภาเล็งตั้งกมธ.วิสามัญศึกษา
เมื่อเวลา 08.30 น. วุฒิสมาชิก 8 คน ในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การต่างประเทศ นำโดย ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต รองประธาน กมธ. และนายศรีศักร วัลลิโภดม นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดี ได้เดินทางลงพื้นที่เขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โดยนายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ บรรยายสรุปสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตอนหนึ่งระบุว่า มีความเข้าใจผิดว่าพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรเป็นพื้นที่ทับซ้อน แต่ในที่นี้ขอเรียกว่าเป็นพื้นที่ไทย แต่ยังไม่มีการปักปันเขตแดนชัดเจน และข้อตกลงระหว่างประเทศกำหนดว่า ห้ามดัดแปลงสภาพภูมิประเทศในส่วนที่ไม่ทราบว่าพื้นที่เป็นของใครชัดเจน แต่ปี 2541 มีชาวบ้านกัมพูชาเข้ามาสร้างบ้าน ซึ่งผู้ว่าฯศรีสะเกษขณะนั้นทำหนังสือไปยังกระทรวงต่างประเทศเพื่อประสานให้กัมพูชาย้ายคนออกไป แต่ 4-5 ปีที่ผ่านมา มีชาวกัมพูชาอพยพเข้ามามากขึ้น จนถึงขณะนี้มีประมาณ 130 หลังคาเรือน และกำลังสร้างวัดแก้วสิขเรศวรอีกด้วย
ด้านนายศรีศักรได้เสนอให้ในพื้นที่เตรียมแผนไม่ให้มีการรุกเข้ามาบริเวณสระตราวและบาราย เพราะจุดนี้จะถือเป็นการยึดเมือง ส่วนนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา เสนอว่า วุฒิสภาอาจมีการตั้ง กมธ.วิสามัญ เพื่อมาศึกษาเรื่องนี้โดยเฉพาะ และเสนอให้รื้อบ้านเรือนของชาวกัมพูชาบริเวณนั้นออกไป จนกว่าจะปักปันเขตแดนแล้วเสร็จ

ทหารไม่ให้ 8 ส.ว.ขึ้นพระวิหาร
เวลา 14.00 น. คณะ ส.ว.ทั้ง 8 คน ได้เดินทางไปยังค่ายสุรนารีเพื่อฟังการบรรยายจากผู้แทนกองกำลังสุรนารี โดยไม่ยอมให้ผู้สื่อข่าวร่วมเข้าฟังด้วย จากนั้นคณะได้เดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร โดยหยุดอยู่ที่ศูนย์ประสานงานนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นทางขึ้นผามออีแดง โดย ม.ร.ว.ปรียนันทนาได้พยายามขอร้องทหารให้พาขึ้นไปยังโบราณสถานโดยรอบที่อยู่ในดินแดนไทย เพื่อที่จะนำมาเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา แต่ฝ่ายทหารปฏิเสธ โดยอ้างว่าในบริเวณนั้นมีกองกำลังทหารประจำการในจุดต่างๆ ซึ่งเป็นความลับในเชิงยุทธศาสตร์ความมั่นคง ไม่สามารถให้คนทั่วไปขึ้นไปได้ แม้แต่แม่ทัพภาคที่ 2 ยังขึ้นได้สูงสุดแค่จุดที่ ส.ว.อยู่เท่านั้น
แหล่งข้อมูล

Monday, July 21, 2008

สถิติคุกคามทางเทคโนโลยี-การสื่อสารเพิ่มสูง

พ.ต.ท.ศิริพงษ์ ติมุลา ผู้กำกับการศูนย์ตรวจสอบและวิเคราะห์การกระทำความผิดทางเทคโนโลยี (ศตท.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคมว่า ศตท.เร่งเผยแพร่และสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนและองค์กรต่างๆ เรื่องพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ก่อนมีผลบังคับใช้จริงจังวันที่ 23 สิงหาคมนี้ ทั้งนี้ พบสถิติปัญหาภัยคุกคามทางเทคโนโลยีและการสื่อสารมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

จากการสำรวจผู้ใช้คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต ของหน่วยปฏิบัติการวิจัยเทคโนโลยีเครือข่ายศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) พบว่า ปี 2549 มีผู้ใช้งานจำนวน 11.41 ล้านคน ปี 2550 จำนวน 13.42 ล้านคน เพิ่มขึ้น 17.55% ต่อปี การสำรวจนี้ทำให้คาดการได้ว่าแนวดน้มของผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ทั้งที่ตั้งใจและไม่รู้ว่าตนเองกระทำความผิดอยู่ มีแนวดน้มเพิ่มสูงขึ้นตามจำนวนการใช้คอมพิวเตอรืและอินเตอร์เน็ตที่สูงขึ้นทุกปี

ศตท.พบว่า 5 อันดับแรกของการกระทำความผิดมากที่สุด 1.การหมิ่นประมาททางออนไลน์ 2.การพนันออนไลน์และเว็บไซต์ลามกอนาจาร 3.การฉ้อโกงออนไลน์ 4.การทุจริตในการทำธุรกรรมทางการเงิน 5.การเจาะระบบและการโจมตีระบบคอมพิวเตอร์
พ.ต.อ.ศิริพงษ์ กล่าวว่า ศตท.ประมวลผลและวิเคราะห์ว่าการหมิ่นประมาททางออนไลน์ มีจำนวนคดีมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง เป็นเรื่องใกล้ตัวประชาชนมากที่สุด เพราะผู้กระทำผิดส่วนใหญ่ไม่คิดว่าจะก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรงต่อตนเอง รวมทั้งการตรวจจับเพื่อนำมาดำเนินคดีทางอาญา เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก เพราะไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ ทำที่ไหน และทำเมื่อไร ซึ่งความเสียหายจากการกระทำผิดส่งผลกระทบสองทางคือ ต่อผู้กระทำความผิดเอง หรือผู้จดทะเบียนนิติบุคคล (เจ้าของธุรกิจ) ที่ผู้กระทำผิดใช้เครือข่ายขององค์กรหรือหน่วยงาน
อีกประการที่มีความสำคัญมากคือ กฎหมายระบุในมาตรา 26-27 ให้ผู้ให้บริการต้องเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ (ล็อก ไฟล์) โดยเจตนารมณ์ของกฎหมายต้องการหาผู้กระทำความผิด การเก็บล็อก จึงต้องมีการเก็บเพื่อให้สามารถใช้เป็นหลักฐานในชั้นศาลได้ และเพื่อยืนยันความถูกต้องว่าไม่สามารถแก้ไขปรับปรุง เปลี่ยนแปลงได้ จึงต้องเก็บบันทึกไม่น้อยกว่า 90 วัน
"ปัญหาอาชญากรรมทางเครือข่ายอาจไม่ส่งผลกระทบไปยังผู้กระทำความผิดเท่านั้น แต่จะก่อความเสียหายไปถึงองค์กร หรือหน่วยงานที่ไม่รู้เท่าทันการคุกคามทางเทคโนโลยีและการสื่อสารด้วย" พ.ต.อ.ศิริพงษ์กล่าว แหล่งข้อมูล

Wednesday, July 16, 2008

6 มาตรการ 6 เดือน

นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวอย่างเป็นทางการภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึง “6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤตเพื่อคนไทยทุกคน” เริ่มตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2551 เป็นต้นไป และกินเวลาทั้งหมด 6 เดือน ดังนี้

1. การลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันถูกลง โดยจะปรับภาษีสรรพสามิตแก๊สโซฮอล์ 91, 95 , E10, E20 และ E85 โดยมีการปรับลดภาษีสรรพสามิตลงลิตรละ 3.30 บาท เหลือลิตรละ 0.0165 บาท จากปัจจุบันที่จัดเก็บลิตรละ 3.3165 บาทต่อลิตร และหากรวมภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าการตลาดแล้วจะทำให้ลดลงได้ลิตรละ 3.88 บาท เพื่อให้ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ มีส่วนต่างจากราคาน้ำมันเบนซินประมาณลิตรละ 8 บาท

ขณะที่น้ำมันดีเซล บี2 มีการลดภาษีสรรพสามิตลงลิตรละ 2.30 บาท เหลือลิตรละ 0.005 บาท หรือลดลงได้ลิตรละ 2.71 บาท และลดภาษีสรรพสามิตไบโอดีเซล บี 5 ลงลิตรละ 2.19 บาท เหลือลิตรละ 0.0048 บาท หรือลดลงได้ ลิตรละ 2.45 บาท ทั้งนี้กระทรวงการคลังจะออกประกาศให้มีผลบังคับใช้ได้ในวันที่ 25 ก.ค. 51 เป็นต้นไป เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อต้นทุนของภาคการขนส่งในระยะสั้น ซึ่งในส่วนนี้จะใช่วงเงินประมาณ 32,000 ล้านบาท

2. ชะลอการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือน (LPG) ไปอีก 6 เดือน เพื่อลดค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มสูงขึ้นหลังจากที่จะมีการปรับราคาเป็น 2 โครงสร้าง

3. งดเก็บค่าน้ำประปาครัวเรือนที่ใช้ไม่ต่ำกว่า 50 ลูกบาศก์เมตรต่อเดือน ครอบคลุมผู้ใช้น้ำทั้งประเทศ ประมาณ 3.2 ล้านราย ซึ่งจะประหยัดค่าใช้จ่ายน้ำประปาเฉลี่ยต่อรายต่อเดือนประมาณ 213 บาทในเขตนครหลวง และประหยัดได้ 176 บาทในเขตภูมิภาค ใช้วงเงินประมาณ 3,930 ล้านบาท

4. งดเก็บค่าไฟ สำหรับผู้ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 80 หน่วยต่อเดือน โดยภาครัฐจะรับภาระค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ส่วนครอบครัวที่ใช้ไฟฟ้าเกินกว่า 80 หน่วยต่อเดือน แต่ไม่เกิน 150 หน่วยต่อเดือน ภาครัฐจะรับภาระค่าใช้จ่ายให้ครึ่งหนึ่งของค่าไฟฟ้าทั้งหมด ซึ่งจะครอบคลุมผู้ใช้ไฟฟ้าทั้งประเทศประมาณ 9.85 ล้านราย สามารถลดค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชนเฉลี่ย 120 – 200 บาทต่อครัวเรือน ใช้วงเงินประมาณ 12,000 ล้านบาท

5. จัดรถโดยสารประจำทางขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ที่เป็นรถโดยสารธรรมดา หรือ รถร้อน จำนวน 800 คัน จาก 1,600 คน ใน 73 เส้นทาง เพื่อให้บริการในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และจะมีการติดป้ายบอกไว้ให้ประชาชนทราบ คาดว่าจะใช้วงเงิน 1,224 ล้านบาท

6. ใช้บริการโดยรถไฟชั้น 3 ไม่ปรับอากาศ ฟรีทั่วประเทศ ซึ่งครอบคลุมผู้ใช้บริการเฉลี่ยประมาณ 16 ล้านคน คาดว่าจะใช้วงเงิน 250 ล้านบาท

ทั้งนี้ ทางรัฐจะเป็นฝ่ายช่วยเหลือประชาชนลดค่าใช้จ่าย โดยหน่วยงานต่าง ๆ จะยังคงได้รับรายได้เช่นเดิม แต่รัฐบาลจะเป็นผู้จ่ายเงินอุดหนุนให้โดยคาดว่า จะใช้เงินทั้งหมดประมาณ 4.6 หมื่นล้านบาท

น.พ. สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กรอบการช่วยเหลือประชาชนครั้งนี้ คาดว่า จะมีครัวเรือนได้รับประโยชน์ประมาณ 9.8 ล้านครัวเรือน ลดค่าเดินทางได้ประมาณ 400-500 บาทต่อเดือน รวมลดค่าใช้จ่ายได้อย่างน้อย 1,000 บาท/ครัวเรือน/เดือน

นอกจากนี้ยังเชื่อว่า มาตรการดังกล่าวจะช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชนได้อย่างแท้จริง และคาดว่าจะช่วยบรรเทาการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อในช่วงครึ่งปีหลังได้ โดยคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 9 % และทั้งปีคาดว่าไม่เกิน 6-7% ส่วนรายได้จากการมาตรการลดภาษีสรรพมิตน้ำมัน ประมาณ 32,000 ล้านบาท เชื่อว่าผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว จะทำให้ประชาชนมีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น เมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น ก็น่าจะทำให้รัฐสามารถจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT ได้มากขึ้น จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ที่ 9,000 ล้านบาท

พล.ท.หญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน บอกว่า ขอเวลาอีกประมาณ 7-9 วันในการเช็คสต็อกน้ำมันในคลังน้ำมันและสถานีบริการน้ำมันต่าง ๆ เพื่อป้องกันปัญหาการขาดแคลนและการกักตุนน้ำมัน ก่อนที่จะประกาศราคาขายปลีกที่ชัดเจนที่หน้าสถานีบริการน้ำมันทุกแห่งอีกครั้ง นอกจากนี้ในส่วนของชาวประมงที่ใช้น้ำมันม่วงอยู่ประมาณ 15 ล้านลิตรต่อเดือน ก็จะได้รับประโยชน์จากมาตรการนี้เช่นกันโดยราคาน้ำมันจะลดลงประมาณ 2.70 บาทต่อลิตร

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า รัฐบาลจะจ่ายเงินชดเชยให้กับทาง ขสมก. จากการออกมาตรการนี้ประมาณ 1,400 ล้านบาท แหล่งข้อมูล

Monday, July 14, 2008

กูเกิลแบรนด์อันดับหนึ่งของโลก

เผยกูเกิลผงาดติดแชมป์แบรนด์อันดับหนึ่งของโลก จีนเพิ่มขึ้นอีก 3 กิจการ เพิ่มเป็น 15 กิจการ ขณะที่ไทยยังเป้าสะอาดไร้อันดับติด
สำนักข่าวต่างประเทศ จากการจัดอันดับแบรนด์ชื่อดังของโลก 100 อันดับ ประจำปี 2008 ปรากฎว่า กูเกิล กิจการเซิร์นเอ็นจิ้นชื่อดังของโลก ผงาดคว้าแชมป์ติดอันดับหนึ่งไปครอง ส่วนอันดับสองได้แก่ เจอเนรัล อีเล็กทริก(จีอี) 3.ไมโครซอฟท์ 4.โคคา โคล่า 5.ไชน่า โมบิล 6.ไอบีเอ็ม 7.แอปเปิล 8.แม็คโดนัลด์ 9 โนเกีย 10 มาร์ลโบโร
นอกจากนี้ ยังรวมทั้งแบรนด์ยี่ห้อดังอื่น ๆ เช่น โตโยต้า อันดับที่ 12 วอลท์มาร์ท อันดับที่ 13 บีเอ็มดับเบิลยู อันดับที่ 17 หลุยส์ วิตตอง อันดับที่ 19 เทสโก อันดับที่ 25 ฮอนด้า อันดับที่ 37 สตาร์บัคส์ อันดับที่ 56 โกลด์แมน แซ็คส์ อันดับที่ 57 อะเมซอน ดอทคอม ติดอันดับที่ 61 ยาฮู ติดอันดับที่ 62 ฮาร์เลย์ เดวิดสัน ติดอันดับที่ 72 เฟดเอ๊กซ์ ติดอันดับที่ 81 ชาแนล 85 และสแตนดาร์ด ชาร์ทเตอร์ อันดับที่ 100
รายงานระบุว่า สำหรับการจัดอันดับนี้ ยังแบ่งประเภทกิจการต่าง ๆ ที่ติดอันดับเป็น 5 หมวด ได้แก่ กิจการด้านอุปกรณ์เคลื่อนที่ ขยายตัวเติบโตขึ้น 35 % กิจการเทคโนโลยี 33 % กิจการด้านดูแลสุขภาพ 27 % กิจการด้านฟาสต์ฟู๊ด 27 % กิจการด้านสินค้าหรู 24 % กิจการประกันภัย 23 % และสถาบันการเงิน 16 % กิจการด้านค้าปลีก 10 % น้ำอัดลม 17 %

ขณะเดียวกัน ผลจัดอันดับนี้ยังปรากฎว่า สินค้าแบรนด์ของจีน ติดโผยรายชื่อทั้งหมด 15 แห่ง โดยเพิ่มขึ้นอีก 3 แห่ง ได้แก่ ไชน่า เนชั่นแนล ปิโตรเลียม,ไชน่า เมอร์แชนต์ส แบงก์ และซิงหัว ตงฟาง ขณะที่อีก 12 ยี่ห้อที่ยังคงรั้งโผ 100 อันดับนี้ ประกอบด้วย ไฮเออร์,เลโนโว,อิสดัสเตรียล แอนด์ คอมเมิรช์เชี่ยน แบงก์ ออฟ ไชน่า,เสตรท กริด,แบงก์ ออฟ ไชน่า,ไชน่า ไลฟ์,ชางหง,ไชน่า ไรเวย์ กรุ๊ป,แอร์ ไชน่า และชิโนเป็ค แหล่งข้อมูล

Sunday, July 13, 2008

สหภาพเมดิเตอร์เรเนียน

การตั้งสหภาพเมดิเตอร์เรเนียนได้รับการผลักดัน จากประธานาธิบดีนิโคลาส์ ซาร์โกซี ของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดครั้งนี้ร่วมกับอียิปต์ที่กรุงปารีส โดยมีผู้นำและผู้แทนจาก 43 ชาติจากยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกาตอนเหนือ เข้าร่วมการประชุม หลายฝ่ายหวังว่า สหภาพฯ ที่เปิดตัวในวันนี้จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ ระหว่างชาติที่อยู่รอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
สหภาพฯที่เกิดขึ้นถือเป็นการรวมตัวที่ริเริ่มขึ้นมาจาก "กระบวนการบาร์เซโลนา" ซึ่งก่อตั้งโดยสหภาพยุโรป หรือ อียู ที่เมืองบาร์เซโลนา ของสเปน เมื่อปี 2548 โดยการประกาศเปิดตัวสหภาพเมดิเตอร์เรเนียนมีขึ้น พร้อมกับการประกาศโครงสร้างร่วมมือหลายด้าน อาทิ โครงการแนวสร้างโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์รอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน, โครงการเพิ่มการประสานงานควบคุมร่องน้ำลึกในทะเล และการตั้งสำนัก งานเพื่อส่งเสริมธุรกิจขนาดกลาง
การประชุมครั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จของซาร์โกซี เนื่องจากผู้นำชาติในภูมิภาคเกือบทั้งหมดตกลงมาร่วมหารือ ซึ่งรวมถึง นายกรัฐมนตรีเอฮุด โอลเมิร์ต แห่งอิสราเอล และนายมาห์มูด อับบาส ผู้นำปาเลสไตน์ แหล่งข้อมูล

Tuesday, July 08, 2008

ยูเนสโกประกาศให้ปราสาทพระวิหารของประเทศกัมพูชาเป็นมรดกโลกแล้ว

ยูเนสโกชี้ขาดคำขอขึ้นทะเบียน เขาพระวิหารเป็นมรดกโลกแล้ว คณะกรรมการมรดกโลกประกาศให้ปราสาทพระวิหารของกัมพูชาเป็นมรดกโลกพร้อมตั้งกรรมการจาก 7 ปท. รวมทั้งไทย บริหารจัดการร่วมกับกัมพูชา

ที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยที่ 32 ที่เมืองควิเบกประเทศแคนาดา ประกาศให้ปราสาทพระวิหารของประเทศกัมพูชาเป็นมรดกโลกแล้ว โดยเมื่อเวลา 23.09 น. สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า คณะกรรมการพิจารณามรดกโลกขององค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ(ยูเนสโก) ได้ประกาศให้ปราสาทพระวิหารของกัมพูชาอายุนับพันปีเป็นมรดกโลก พร้อมกับเมืองเมลากา และเมืองจอร์จ ทาวน์ เมืองที่อยู่ติดช่องแคบมะละกาในมาเลเซีย และเขตเกษตรกรรมคุก เออร์ลีในปาปัวนิวกีนี ซึ่งนับเป็นพื้นที่แรกของประเทศที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

กรรมการมรดกโลกหนุนกัมพูชา
นายปองพลอดิเรกสาร ประธานคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ให้สัมภาษณ์จากเมืองควิเบกว่า คณะกรรมการมรดกโลก 21 ประเทศมีเสียงส่วนใหญ่เห็นว่าควรขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารตามที่กัมพูชาเสนอ เพราะเข้าหลักเกณฑ์ 1 ใน3 ข้อสำหรับทางออกของไทย คณะกรรมการมรดกโลกจะตั้งคณะกรรมการจาก 7 ประเทศโดยมีไทยร่วมด้วย เข้ามาบริหารจัดการร่วมกับกัมพูชา ส่วนการพัฒนาพื้นที่พิพาทนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการมรดกโลก เพราะว่าการขึ้นทะเบียนทำเฉพาะแค่องค์ปราสาทเท่านั้น

"การพิจารณาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร จากเดิมถูกจัดเป็นวาระพิจารณาลำดับที่ 4 แต่ได้เลื่อนเป็นลำดับท้ายสุดเพื่อให้ไทยและกัมพูชาได้มีเวลาหารือกันโดยไทยยังยืนยันในการขอเลื่อนการพิจารณาตามที่นายนพดลได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบ และประเด็นที่สองไทยยังยืนยันที่จะเสนอให้ขึ้นทะเบียนร่วมกัน เพื่อทำให้ความเป็นมรดกโลกสมบูรณ์ยิ่งขึ้น คณะกรรมการมรดกโลกได้ให้น้ำหนักกับคำชี้แจงของฝ่ายไทย จากก่อนหน้านี้มีการแจกเอกสารแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา แต่เมื่อมีการแจ้งเรื่องคำสั่งของศาลปกครองกลาง ก็มีการเรียกเก็บเอกสารดังกล่าว เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนขึ้น โดยคณะกรรมการมรดกโลกใช้รายงานของสภาการโบราณสถานระหว่างประเทศ หรืออิโคโมส ในการพิจารณา ซึ่งการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมจะต้องผ่านการพิจารณา 1 ใน6 ข้อที่กำหนดไว้และกัมพูชาได้ผ่านหลักเกณฑ์ข้อ 1 แล้วโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาความร่วมมือจากไทย" นายปองพลกล่าว อ่านรายละเอียด
ปราสาทพระวิหารข้อพิพาทอารยธรรม 1,000ปี

The World Heritage Committee meeting in Quebec City has added eight new cultural sites to UNESCO’s World Heritage List on the morning of the 7 of July. With these inscriptions, Papua New Guinea and San Marino enter the World Heritage List for the first time.
More information

Monday, July 07, 2008

ยูเนสโกขึ้นทะเบียนมรดกโลก 3 แห่ง

คณะกรรมการมรดกโลกของยูเนสโก้ ได้ลงมติยอมรับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกให้แก่สถานที่สำคัญของประเทศต่าง ๆ อีก 3 แห่ง ได้แก่
1 แหล่งที่ซ่อนตัวของทาสในเกาะมอริเชียส สาธารณรัฐมอริเชียส กับ
2 สถานที่ทางโบราณคดีเนบาเตียน'Al Hijr'ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศซาอุดิอาระเบีย และ
3 แหล่งชุมชนตูเลา ในมณฑลฟูเจียนของจีน

รายงานระบุว่า คณะกรรมการมรดกโลกจำนวน 21 ประเทศ กำลังประชุมที่เมืองควีเบค เพื่อพิจารณาการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของสถานที่สำคัญต่าง ๆ ที่ถูกเสนอชื่ออีก 40แห่ง ซึ่งปัจจุบันยูเนสโก้ได้ขึ้นทะเบียนสถานที่ต่าง ๆ เป็นมรดกโลกไปแล้ว 854 แห่ง จาก 140 ประเทศทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ในการพิจารณาดังกล่าว ยูเนสโก้ปฎิเสธที่จะขึ้นทะเบียนให้ปิรามิด'มาชู ปิกชู'เป็นมรดกโลก ให้เหตุผลว่าเนื่องจากสถานที่ดังกล่าวยังอยู่ในสภาพดี ไม่ได้เสื่อมโทรมหรือเผชิญภัยคุกคามเร่งด่วนใด ๆ
สำหรับ สถานที่ Al Hijr นั้น เป็นแหล่งค้าขายโบราณระหว่างอาหรับและยิว บนพื้นที่ทางใต้ของจอร์แดน,อาณาจักรคานัน และส่วนเหนือบางส่วนของอาหรับ ถือเป็นพื้นที่สงวนใหญ่ที่แสดงถึงอายรธรมเนบาเตียน ปัจจุบันตั้งอยู่ในเมืองเปตร้าของจอร์แดน และนับเป็นสถานที่มรดกโลกชิ้นแรกของซาอุดิอาระเบีย โดยถูกตั้งชื่อดังกล่าวเพราะมีพรมแดนติดกับซีเรียกับอารเบีย หรือซาอุดิอาระเบียในยุคปัจจุบัน
ส่วนแหล่งชุมชนตูเลา ถือเป็นแหล่งชุมชนที่มีลักษณะพิเศษของจีน ถูกสร้างตั้งแต่ศ.ต.11-20 ในมณฑลฟูเจียนที่ตั้งอยู่บนยอดเขา โดยอาคารต่าง ๆ ในแหล่งชุมชนนี้ ที่ประกอบด้วยบ้านจำนวน 45 หลัง ถูกสร้างเพื่อไว้เป็นสถานที่พักผ่อนของชนเผ่าฟูเจียนทั้งเผ่า และแสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการด้านการก่อสร้างแบบโบราณของจีน และการพัฒนาเชิงวิถีชีวิตของชาวท้องถิ่นดังกล่าวด้วย
ส่วนสถานที่สำคัญบนเกาะมอร์ริเชียส ที่ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เป็นแหล่งซ่อนตัวของทาสที่หลบหนี และทาสผิดำ ตั้งแต่ในยุคศ.ต.18-19 แหล่งข้อมูล

Saturday, July 05, 2008

'ราชบัณฑิต' จัดสอบโทเฟลภาษาไทย

ศ.ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช นายกราชบัณฑิตยสถาน กล่าวระหว่างเปิดการประชุมนานาชาติ เรื่อง “นโยบายภาษาแห่งชาติ : ความหลากหลายของภาษาเพื่อความเป็นเอกภาพของชาติ” ตอนหนึ่งว่า เรื่องของภาษาเป็นประเด็นที่ทั่วโลกให้ความสนใจ และหลายประเทศจัดทำนโยบายภาษาขึ้นเพื่อสร้างความเป็นเอกภาพ ท่ามกลางความหลากหลายทางภาษาของภาษาในประเทศเหล่านั้น และพบด้วยว่า 125 ประเทศมีการระบุนโยบายภาษาไว้ในรัฐธรรมนูญ

ด้านนางจินตนา พันธุฟัก เลขาธิการราชบัณฑิตยสถาน กล่าวว่า ราชบัณฑิตยสถานพยายามผลักดันให้มีการกำหนดนโยบายภาษาแห่งชาติขึ้น เพื่อให้ทิศทางการใช้ภาษาของประเทศมีความชัดเจนขึ้น ทั้งการใช้ภาษาไทย ภาษาของคนกลุ่มน้อย ภาษาต่างประเทศ ภาษาของผู้ใช้แรงงาน ภาษา เศรษฐกิจ ภาษาของผู้พิการ ภาษาเพื่อการแปลและล่าม ฯลฯ ซึ่งจะต้องมีการศึกษาวิจัยต่อไปเพื่อเสนอแนะต่อรัฐบาล ให้ผลักดันเป็นนโยบายชาติในระดับต่างๆต่อไป ทั้งนี้มีการวิจัยยืนยันว่า การเรียนรู้ภาษาแม่ของตนเองได้ก่อน จะเป็นบันไดให้เราสามารถเรียนรู้ภาษาอื่นต่อไปได้เป็นอย่างดี และยิ่งรู้ภาษามากเท่าใดก็จะยิ่งเกิดประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น

เลขาธิการราชบัณฑิตยสถาน กล่าวว่า สำหรับการใช้ภาษาไทยของคนไทยขณะนี้ก็ต้องยอมรับว่า คนไทยยังใช้ภาษาไทยไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้น สิ่งที่ราชบัณฑิตยสถานจะดำเนินการคือ ก็จะจัดทำเกณฑ์มาตรฐานภาษาไทยขึ้น โดยจัดสร้างแบบทดสอบภาษาไทยขึ้นทดสอบความรู้ความสามารถการใช้ภาษาของคนไทย ทั้ง 4 ทักษะ ได้แก่ ฟัง พูด อ่าน เขียน ซึ่งทดสอบในลักษณะเดียวกับการจัดสอบโทเฟลภาษาอังกฤษ เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงการใช้ภาษาไทยและนำไปสู่การปรับปรุงภาษาไทยให้ดีขึ้นและแข็งแรงขึ้น และคาดว่าปลายปี 2551 จะจัดทำแบบทดสอบภาษาไทยเสร็จเรียบร้อย ซึ่งกลุ่มเป้าหมายที่จะเปิดให้มีการทดสอบความสามารถในการใช้ภาษาไทยคือ ครูอาจารย์และนักเรียน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ครูภาษาไทยจำนวนมากเมื่อทราบว่าราชบัณฑิตยสถานจะจัดทำแบบทดสอบภาษาไทย ก็เรียกร้องว่า อยากให้ผลการทดสอบนี้เชื่อมโยงกับการเลื่อนวิทยฐานะ ซึ่งเรื่องนี้ราชบัณฑิตยสถานจะประสานกับกระทรวงศึกษาธิการต่อไป แหล่งข้อมูล

Thursday, July 03, 2008

ค่าทางด่วนใหม่ 45 หรือ 48 บาท

เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 51 ที่ศูนย์ควบคุมทางด่วน 3 รามอินทรา นายสุรชัย ธารสิทธิพงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานบอร์ดการทางพิเศษแห่งประเทศไทย กทพ.เปิดเผยภายหลังประชุมบอร์ดว่า ที่ประชุมได้รับทราบผลการหารือของการทาง พิเศษฯจากอัยการ เรื่องการปรับอัตราค่าผ่านทางทั้งระบบ จากเดิมที่กำหนดเพดานให้ปรับได้ไม่เกิน 10 บาท ทั้งระบบ เป็น ไม่มีกำหนดเพดาน และบอร์ดได้เห็นชอบให้การทาง พิเศษฯไปเจรจากับบริษัทบีอีซีแอลในเรื่องค่าผ่านทางที่จะปรับใหม่ โดยบอร์ดได้เห็นชอบตามที่อนุกรรมการพิจารณาค่าผ่านทางเสนอให้ ปรับค่าผ่านทางเป็น 45 บาท ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม
นายสุรชัยกล่าวว่า สำหรับตัวเลขที่ 45 บาทนั้นมาจาก ดัชนีผู้บริโภคเดือนมีนาคม 2551 ซึ่งเท่ากับ 120.1 คูณด้วยอัตราค่าผ่านทางปัจจุบันคือ 40 บาท และหารด้วย 100 เท่ากับ 48.04 แต่เนื่องจากสัญญาสัมปทานกำหนดให้ค่าผ่านทางปรับทีละ 5 หรือ 10 บาท จึงพิจารณาปรับที่ 45 บาท ทั้งนี้ ขั้นตอนการดำเนินการต่อไป จะให้ กทพ.ไปเจรจากับบริษัทบีอีซีแอล ส่วนข้อเสนอราคาที่บริษัทเคยเสนอนั้น คณะอนุกรรมการฯไม่ได้นำมาพิจารณา เนื่องจากเป็นการคำนวณจากฐานที่ต่างกัน และการทางพิเศษฯจะพิจารณาเฉพาะการคำนวณที่มาจากฐานของการทางพิเศษฯ
รายงานข่าวแจ้งว่า การเสนอปรับค่าผ่านทางในครั้งนี้ คณะอนุกรรมการฯได้เสนอที่ประชุมบอร์ดเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรก คือ ค่าผ่านทางที่ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT ซึ่งเท่ากับ 45 บาท และส่วนที่ 2 ได้แก่ ค่าผ่านทางที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว เท่ากับ 45x7% เท่ากับ 48.50 แต่จะเก็บ 48 บาท ทั้งนี้ ตัวเลข 2 ส่วนนี้ ทางผู้บริหารการทางพิเศษฯจะเสนอให้คณะรัฐมนตรีตัดสินใจต่อไป เนื่องจากหากการทางพิเศษฯจะเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับค่าทางด่วน จะต้องขอความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีก่อน. แหล่งข้อมูล

ชี้อาจารย์-นักศึกษาใช้เน็ตผิดประเภท

ดร.สุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวบรรยายพิเศษ เรื่อง “นโยบายการส่งเสริมเครือข่ายสารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษา” ในการเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ “การดำเนินกิจกรรมบนระบบเครือข่าย สารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษา ครั้งที่ 19” ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี ว่า สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ได้จัดให้มีระบบ เครือข่ายสารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษา หรือ UniNet เชื่อมโยงเครือข่ายความเร็วสูงระหว่างมหาวิทยาลัย/สถาบันและหน่วยงานอื่นๆ ขณะนี้มีเครือข่ายทั้งสิ้น 212 แห่ง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อยากให้มหาวิทยาลัยและเครือข่ายช่วยกันดูแลก็คือ การ ใช้อินเตอร์เน็ตความเร็วสูงของอาจารย์และนิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัย ซึ่งมีผู้ใช้ บริการมากกว่า 2 ล้านคน และเป็นระบบที่ไม่สามารถควบคุมการใช้ได้ ก็พบว่า อาจารย์ และนิสิต นักศึกษานำไปใช้ผิดประเภท โดยส่วนใหญ่จะมีการใช้เล่นเกมออนไลน์ จึงอยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันดูแลด้วย เพราะระบบดังกล่าวใช้งบประมาณแผ่นดินลงทุนค่อนข้างสูง จึงเป็นทรัพย์สินของประเทศที่ต้องใช้ให้คุ้มค่าเพื่อการศึกษาและวิจัยอย่างแท้จริง
เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา กล่าวต่อว่า ยูนิเน็ตยังได้ดำเนินโครงการพัฒนาเครือข่ายห้องสมุดในประเทศไทย เชื่อมโยงห้องสมุดของสถาบันอุดมศึกษาต่างๆ เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาฐานข้อมูลและใช้ทรัพยากรร่วมกัน มีการพัฒนาฐานข้อมูลสหบรรณานุกรม (Union Catalog) ฐานข้อมูลจัดเก็บเอกสารฉบับเต็ม ในรูปอิเล็กทรอนิกส์ (Digital Collection) เป็นต้น ซึ่งแต่ละปีต้องใช้เงินมากถึง 154 ล้านบาท เพื่อซื้อข้อมูลวิชาการ แต่มหาวิทยาลัยมีการใช้ข้อมูลมากน้อยไม่เท่ากัน บางแห่งก็คุ้มค่าบางแห่งก็ไม่คุ้มค่า ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา อยากจะหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อให้การใช้ข้อมูลดังกล่าวเป็นไปอย่างคุ้มค่ากับเงินงบประมาณที่ลงทุนไปจริงๆ นอกจากนี้ยังเตรียมจัดทำแผนแม่บทเพื่อพัฒนายูนิเน็ตอีกด้วย ทั้งนี้ คาดว่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 4 เดือนจึงจะเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม การ เปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นนี้ ทางมหาวิทยาลัยคงต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับทิศทางใหญ่ของยูนิเน็ตที่เปลี่ยน ไปด้วย. แหล่งข้อมูล

Tuesday, July 01, 2008

"ดูไบ"สร้างตึกเคลื่อนที่

ภาพ Dynamic Tower
Dr.David Fisher
ดูไบเดินหน้าปฏิวัติงานด้านสถา ปัตยกรรมอย่างไม่หยุดยั้ง ล่าสุดเผยโครงการตึกระฟ้าความสูง 420 เมตร จำนวน 80 ชั้น นับเป็นตึกแรกของโลกที่เคลื่อนไหวได้ หรือเรียกว่า "ไดนามิก ทาวเวอร์"
เดวิด ฟิชเชอร์ จากไดนามิกกรุ๊ป นครนิวยอร์ก ผู้ออกแบบโครงการนี้ให้กับดูไบ กล่าวว่า "แต่ละชั้นของอาคารเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นอิสระ ด้วยพลังงานลมที่ติดตั้งอยู่ในทุกๆ ชั้น เราสามารถเปลี่ยนแปลงลักษณะของตึกได้ตามต้องการ คาดว่า การก่อสร้างจะแล้วเสร็จในอีก 2 ข้างหน้า ส่วนราคาอยู่ที่ประมาณ 100,000 บาทต่อตารางฟุต อพาร์ตเมนต์ยูนิตหนึ่งราคาตั้งแต่ 130-1,300 ล้านบาท"

ฟิชเชอร์ กล่าวต่อไปว่า "เมื่อสร้างไดนามิกทาวเวอร์ที่ดูไบเสร็จแล้ว ก็จะไปสร้างไดนามิกทาวเวอร์ตึกที่ 2 ที่กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ส่วนตึกที่ 3 นั้นน่าจะเป็นที่นิวยอร์ก นอกจากนี้ ยังมีนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากแคนาดา ยุโรปและเกาหลีใต้สนใจไดนามิกทาวเวอร์ ในส่วนของงานก่อสร้างนั้น จะใช้เวลาก่อสร้างชั้นละ 7 วัน ที่ใช้เวลาอย่างรวดเร็วเป็นเพราะตึกนี้สร้างจากวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ใช้คนงานก่อสร้างเพียง 600 คน ขณะที่ตึกที่มีขนาดเท่าๆ กันใช้คนงาน 2,000 คน"

ด้านผู้เชี่ยวชาญด้านการก่อสร้างบางคนยังไม่แน่ใจว่า โครงการไดนามิกทาวเวอร์ของฟิชเชอร์จะออกมาเป็นอย่างที่วาดหวังไว้หรือไม่ เพราะฟิชเชอร์ไม่เคยสร้างตึกระฟ้ามาก่อน เขาเพียงฟอร์มทีมกับสถาปนิกและวิศวกรที่มีชื่อเสียงจากอังกฤษและอินเดีย และแม้ว่าเขาจะได้รับใบอนุญาตก่อสร้างจากดูไบ แต่ฟิชเชอร์ยังไม่ยอมเปิดเผยถึงสถานที่ก่อสร้าง ส่วนนายกเทศมนตรีกรุงมอสโก เปิดเผยว่า ยังไม่ตัดสินใจที่จะสร้างไดนามิกทาวเวอร์ เพราะต้องรอดูผลงานที่ออกมาก่อนเท่านั้น แหล่งข้อมูล