Showing posts with label reading. Show all posts
Showing posts with label reading. Show all posts

Friday, February 27, 2009

คุณภาพการอ่าน

คุณภาพการอ่าน ไม่ได้อยู่ที่ความสามารถในการอ่านเร็วเท่านั้น และไม่สำคัญเท่ากับการที่ผู้เรียนสามารถย่อยแนวคิดด้วยความเข้าใจในเนื้อเรื่องและสามารถถ่ายทอดได้อย่างชาญฉลาด
This assumption indirectly evaluates students on the basis of their reading speed, a quality not necessarily as important as the ability to digest concepts and express them intelligently.
อ่านเพิ่มเติมที่ Assigned reading: quality, not quantity

Sunday, October 26, 2008

วัฒนธรรมการอ่าน

คนไทยอ่านหนังสือปีละ 7 บรรทัด !!
อ.นิธิ เอียวศรีวงศ์ เคยเขียนถึงเรื่องการอ่านน้อยของคนไทยไว้ในหนังสือศิลปวัฒนธรรมว่า คนไทยมีวัฒนธรรมในการดูและฟังมากกว่าวัฒนธรรมการอ่าน จึงทำให้คนไทยนิยมบอกเล่าเรื่องราวต่อกันผ่านการแสดง ทั้งการละเล่นพื้นบ้าน ลิเก ลำตัด ละครต่างๆ รวมทั้งโขน แต่ไม่ได้บอกกล่าวเรื่องราวผ่านทางตัวหนังสือ
นอกเหนือจากเหตุผลทางด้านวัฒนธรรมของคนไทยตามที่ อ.นิธิอธิบายไว้แล้ว ยังมีสาเหตุอื่นอีก ที่เข้ามามีส่วนต่อวัฒนธรรมการอ่านของคนไทย ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมือง กระแสนิยม และล่าสุด คือเทคโนโลยีสมัยใหม่ อ่านรายละเอียด

Tuesday, August 19, 2008

สอนทักษะการอ่านหนังสือแนวใหม่

สอนทักษะการอ่านหนังสือแนวใหม่
สอนให้ผู้เรียนเขียนสรุปสิ่งที่ได้รับจากการอ่าน

เมื่อผู้เรียนได้ค้นพบสิ่งใหม่ๆ หรือต้องการย้ำความเข้าใจจากการอ่านหนังสือครูผู้สอนอาจสอนให้ผู้เรียนเขียนสรุปความสั้นๆ หรือทำเป็นรูปภาพ สัญลักษณ์ หรือทำอะไรก็ได้ตามจินตนาการของผู้เรียนไว้มุมใดมุมหนึ่งของหนังสือ การทำเช่นนี้เป็นเหมือนการที่ผู้เรียนได้ปฏิสัมพันธ์กับผู้เขียน ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนได้จดจำและสามารถทบทวนในสิ่งที่อ่านได้รวดเร็วขึ้น โดยไม่ต้องกลับไปอ่านหนังสือทั้งเล่ม
สอนให้ผู้เรียนเขียนแสดงความคิดเห็นจากสิ่งที่ได้อ่าน

ครูผู้สอนควรสอนให้ผู้เรียนรู้จักการโต้ตอบกับผู้เขียนระหว่างการอ่านหนังสือ ไม่ควรเป็นผู้รับรู้ข้อมูลเพียงอย่างเดียวโดยแนะนำให้ผู้เรียนเขียนสื่อสาร หรือใช้ภาษาสัญลักษณ์ลงไปในหนังสือด้วย หากผู้เรียนได้นำเสนอมา เช่น ขีดเส้นข้อความที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย หรือต้องการเสนอความคิดจากสิ่งที่ผู้เขียนได้นำเสนอมา เช่น ขีดเส้นข้อความที่เห็นด้วย/ไม่เห็นด้วย แล้วลากเส้นโยงออกมา เขียนไว้ว่า “ ความคิดนี้สุดยอดจริงๆ ” “ตรงนี้ไม่เห็นด้วยเขียนแง่ลบเกินไป” เป็นต้น ซึ่งจะเป็นการสร้างผู้เรียนให้เป็นคนที่มีทักษะการคิด วิเคราะห์ และการคิดเชิงสร้างสรรค์

สอนให้ผู้เรียนเขียน หรือแสดงสัญลักษณ์ เพื่อมีคำตอบจากการอ่านหนังสือ

ครูผู้สอนควรสอนให้ผู้เรียนรู้จักตั้งคำถามในการอ่านไม่ควรเชื่อในสิ่งที่ผู้เขียน เขียนมาทั้งหมด และเมื่อผู้เรียนไม่เข้าใจและมีข้อสงสัยควรแนะนำให้ผู้เรียนใส่เครื่องหมายคำถาม (?) หรือเขียนประเด็นที่สงสัย หรือยังไม่เข้าใจ ต้องการค้นคว้าเพิ่มเติม หรือสอบถามผู้รู้ และเขียนกำกับไว้ด้วยว่าเราไม่เข้าใจอะไร หรืออาจเขียนกำกับไว้ด้วยว่าจะต้องทำอะไรต่อไป เช่น “ ตรงนี้ต้องถามอาจารย์ ” “ ไปค้นพบในห้องสมุด ” เป็นต้น
อ่านรายละเอียด


ทักษะการอ่านพื้นฐานการเรียนรู้และการทำงาน
ประเด็นถกเถียงในเรื่องการอ่านหนังสือของคนไทย เป็นสิ่งที่มีการพูดคุยกันมานาน แต่ประเด็นที่ยังไม่ได้ถูกกล่าวถึงกันมากนักคือ“ความสามารถด้านทักษะการอ่านหนังสือของคนไทย” การอ่านหนังสือจำนวนมากหรือน้อยอาจไม่สำคัญเท่ากับ ผู้อ่านได้รับอะไรจากสิ่งที่อ่านหรือผู้อ่านได้นำสิ่งที่ได้อ่านนั้นไปใช้ประโยชน์อย่างไรบ้าง ขึ้นอยู่กับวิธีการอ่านเป็นสำคัญ ผู้อ่านที่ขาดทักษะการอ่าน แม้อ่านหนังสือมากแต่อาจไม่ได้รับประโยชน์ก็เป็นได้

ทักษะการอ่าน เป็นสิ่งที่ควรปลูกฝังตั้งแต่ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน นักวิชาการด้านการศึกษาในสหรัฐอเมริกา หลุยส์ เอ็ม โกเมซ (Louis M. Gomez) ศาสตราจารย์ด้านศาสตร์แห่งการเรียนรู้ (Learning Sciences) แห่งสถาบันสอนนโยบายการศึกษาและสังคม (school of Education and Social Policy) มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น (Northwestern University) และผู้ช่วยศาสตราจารย์คิมเบอร์ลี่ โกเมซ (Kimberley Gomez) วิทยาลัยการศึกษา (College of Education) มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ (University of Illinois) ออกมาแสดงความคิดเห็นในนิตยสาร Phi Delta Kappan ฉบับเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2007 เรื่อง “Reading for Learning: Literacy support for 21st Century Work” ไว้ว่า การขาดทักษะการอ่านของผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นปัญหาใหญ่ที่มีผลต่อการทำงานในอนาคต

นักวิชาการทั้ง 2 ท่าน กล่าวว่า เศรษฐกิจในศตวรรษที่ 21 ต้องการแรงงานคนที่มีทักษะการคิดเชิงสรรค์ การคิดเชิงวิเคราะห์ เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลก และในอนาคต อาชีพที่จะเติบโตมากที่สุดคือ อาชีพที่อาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านและอาชีพด้านงานบริการ ทั้ง 2 อาชีพ ต้องอาศัยทักษะการสื่อสารกับกลุ่มคนที่มีความแตกต่าง โดยเครื่องมือสำคัญที่จะทำผู้เรียนมีทักษะดังกล่าวคือ “การอ่านเพื่อการเรียนรู้” เนื่องจากการอ่านต้องอาศัยการวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูล จนสามารถแปลงข้อมูลที่ได้รับและนำไปใช้ประโยชน์ อ่านรายละเอียด

Saturday, June 14, 2008

นักอ่านที่ดี

นักอ่านที่ดีควรเป็นอย่างไร
1) นักอ่านควรเป็นสมาชิกชมรมหนังสือชมรมใดชมรมหนึ่ง
2) นักอ่านควรโยงตัวเองเข้ากับพระเอกหรือนางเอกของเรื่อง
3) นักอ่านควรมุ่งความสนใจไปที่แง่มุมทางสังคม-เศรษฐกิจของเรื่อง
4) นักอ่านควรจะชอบเรื่องประเภทที่มีการกระทำและบทสนทนามากกว่าเรื่องที่ไม่มี
5) นักอ่านควรดูหนังที่สร้างจากหนังสือเล่มที่อ่าน
6) นักอ่านควรเป็นเช่นหน่ออ่อนของนักเขียน
7) นักอ่านควรมีจินตนาการ
8) นักอ่านควรเป็นผู้มีความทรงจำ
9) นักอ่านควรมีพจนานุกรม
10) นักอ่านควรเป็นผู้มีสัมผัสทางศิลปะ
นาโบคอฟเสนอว่า "เราไม่อาจ อ่าน (read) หนังสือ เรามีแต่ต้องอ่านใหม่ หรือ อ่านซ้ำ (reread)" เพราะในการอ่านรอบแรก สายตาของเราต้องทำงานหนักในการกวาดจากซ้ายไปขวา จากบรรทัดสู่บรรทัด จากหน้าสู่หน้า "เป็นขั้นตอนในทางกาละและเทศะของการเรียนรู้ว่าหนังสือเล่มหนึ่งๆ นั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร"
อ่านรายละเอียด

Tuesday, March 04, 2008

เด็กไทยอ่านหนังสือมากขึ้น

หนังสือน่าอ่านกับอาหารสมอง
การอ่านบางคนบอกว่าเสียเวลา แต่การไม่อ่าน อาจทำให้เราเสียรู้ได้ (ด้วยความไม่รู้)หรือการอ่านจากแหล่งข้อมูลเดียวก็ทำให้เราถูกครอบงำทางความคิดได้ การแก้ปัญหาของการไม่รู้ ก็โดยการอ่านข้อมูลหลายๆแหล่ง การดู ฟัง คิด และปฏิบัติ ให้ถูกต้อง
อ่านที่ไหนดีซื้อหนังสือมาอ่าน หรืออ่านจากห้องสมุดใกล้บ้านท่าน แหล่งข้อมูลเกี่ยวกับห้องสมุด
เผยเด็กไทยอ่านหนังสือมากขึ้น"องคมนตรี"แนะดันเป็นวาระแห่งชาติ
เผยเด็กไทยอ่านหนังสือมากขึ้น องคมนตรี ชี้ต้องร่วมมือผลักดันให้การอ่านเป็นวาระแห่งชาติต่อไป ด้านนายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย เตียมเสนอรัฐบาลผ่านศธ. เร่งดำเนินการ กระจายหนังสือที่มีคุณภาพสู่เด็กและเยาวชน ผลิตหนังสือที่มีคุณภาพราคาประหยัด
ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี แถลงข่าวถึงการจัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 36 และ งานสัปดาห์หนังสือนานาชาติครั้งที่ 6 ว่า งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 36 จะจัดระหว่างวันที่ 26 มี.ค. ถึงวันที่ 7 เม.ย.นี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในหัวข้อ “ความรู้ยิ่งอ่านยิ่งได้” ส่วนงานสัปดาห์หนังสือนานาชาติ จะจัดวันที่ 26-30 มี.ค. แหล่งข้อมูล
เรื่องทำไมคนไทยต้องอ่าน การอ่านนั้นมีอิทธิพลสามารถเปลี่ยน นิสัย ความคิด ถึงชีวิตของคนอ่านได้ ซึ่งคนที่ไม่เคยอ่านก็จะไม่มีทางรู้
ผิดกับคนที่อ่านซึ่งพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ความจริงแล้วคนไทยน่าจะได้ชื่อว่ารักการอ่าน
เมื่อดูจากสิ่งพิมพ์ต่างๆที่มีมากมาย หลากหลายประเภท ให้ได้เลือกอ่านกัน แล้วมีเหตุผลอะไรที่ทำให้คนไทยไม่อ่าน ในเมื่อคนไทยส่วนใหญ่ผูกพันกับการอ่านตั้งแต่เด็กๆ ที่แม่อ่านนิทานให้ฟังก่อนนอน และเมื่อเข้าเรียนก็ต้องเริ่มอ่าน ถ้าเมื่ออ่านออกทำไมไม่ชอบอ่าน หรือเป็นเพราะผู้ใหญ่ไม่ได้สอนให้เด็กรักการอ่าน หากแต่สอนให้เด็กอ่านเพราะจำเป็นต้องอ่าน อย่างการอ่านหนังสือเรียน
ชู255ชุมชนเศรษฐกิจพอเพียงเผยแพร่ทั่วประเทศ
การพัฒนาแห่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรม ได้แก่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอสมุดแห่งชาติ โรงละคร แห่งชาติ 16 แห่ง จัดพิมพ์สมุดภาพจดหมายเหตุเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาส ราชนครินทร์ครบ 84 พรรษา การอนุรักษ์จดหมายเหตุที่เกี่ยวเนื่องในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ในระบบดิจิตอล จัดทำบันทึกจดหมายเหตุสำคัญ และการบันทึกตำนานภาพยนตร์ไทย รวมถึงการดำเนินงานจัดทำโครงการต่างๆในท้องถิ่น
อาทิ การนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปปฎิบัติในชุมชน โดยได้คัดเลือกชุมชนวัฒนธรรมอาสาเศรษฐพอเพียงทั่วประเทศ 255 ชุมชน เพื่อเป็นชุมชนนำร่องเศรษฐกิจพอเพียง การจัดทำหลักสูตรท้องถิ่นได้ศิลปวัฒนธรรม โดยนำความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นมาจัดทำเป็นหลักสูตร เอกสาร คู่มือ ซึ่งขณะนี้มีหลักสูตรวัฒนธรรมท้องถิ่นแล้ว 8 หลักสูตร เช่น หลักสูตรหุ่นไทย หนังตะลุง ดนตรีพื้นบ้านอีสาน-โปงลาง การขับซอ การทอผ้าพื้นเมือง การจักสาน การออกแบบลายไทย เป็นต้น รวมทั้งการจัดเก็บข้อมูลด้านศิลปการแสดง ภูมิปัญญา ช่างฝีมือพื้นบ้าน โครงการภูมิบ้านภูมิเมืองด้วย