Wednesday, July 22, 2009

สุริยุปราคา

สุริยุปราคา 2552
พ.ศ. 2552 มีอุปราคาเกิดขึ้นทั้งหมด 6 ครั้ง เป็นสุริยุปราคาสองครั้งและจันทรุปราคาสี่ครั้ง ประเทศไทยมีโอกาสเห็นจันทรุปราคากับสุริยุปราคาอย่างละสองครั้ง ครั้งสุดท้ายเกิดในคืนวันส่งท้ายปี 2552
สุริยุปราคาครั้งนี้เกิดในช่วงสายของวันพุธที่ 22 กรกฎาคม ตามเวลาประเทศไทย เส้นทางสุริยุปราคาเต็มดวงเริ่มต้นที่อินเดีย ผ่านประเทศจีน เกาะเล็ก ๆ ทางใต้ของญี่ปุ่น และหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นสุริยุปราคาเต็มดวงนานกว่า 6 นาที ณ กึ่งกลางคราส (เปรียบเทียบกับสุริยุปราคาเต็มดวงในประเทศไทยเมื่อปี 2538 ที่นานประมาณ 2 นาที) นับว่ายาวนานที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 21 เป็นสุริยุปราคาชุดซารอสเดียวกันกับสุริยุปราคาเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2498 ซึ่งเห็นได้ในกรุงเทพฯ และสุริยุปราคาที่พาดผ่านเกาะฮาวายเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2534
เงามืดของดวงจันทร์เริ่มแตะผิวโลกตรงบริเวณชายฝั่งด้านทิศตะวันตกของประเทศอินเดียเมื่อเวลาประมาณ 7.53 น. ตามเวลาประเทศไทย จากนั้นเคลื่อนไปทางตะวันออกอย่างรวดเร็ว ผ่านพื้นที่บางส่วนของเนปาล บังกลาเทศ ภูฏาน และตอนเหนือสุดของพม่า เข้าสู่ประเทศจีน ผ่านเฉิงตูในมณฑลเสฉวน และเมืองใหญ่อย่างเซี่ยงไฮ้
แหล่งข้อมูล
ประมวลภาพสุริยุปราคาทั่วโลก

Sunday, July 19, 2009

โครงการพัฒนาห้องสมุดประชาชนมีชีวิต


เรื่องนวัตกรรมห้องสมุด: บรรณารักษ์ยุคใหม่สร้างได้ในชาตินี้ วิทยากร:รศ ดร น้ำทิพย์ วิภาวิน

ห้องสมุดประชาชนเหล่านี้มีชีวิต

Tuesday, July 14, 2009

"พันธบัตรไทยเข้มแข็ง"

วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 เวลา 21:24:02 น. มติชนออนไลน์

"พันธบัตรไทยเข้มแข็ง"เกลี้ยงในพริบตา ผู้สูงอายุรอคิวแต่ไก่โห่ "มาร์ค"ถกครม.เพิ่มโควต้าขายคนทั่วไป

ขายหมดเร็วเกินคาดพันธบัตร"ไทยเข้มแข็ง" เกลี้ยง 3 หมื่นล้านบาท เพิ่มอีกเท่าตัวยังไม่พอ ผู้สูงอายุแห่จองแต่เช้ามืด สบน.แจงเหตุผิดพลาดทำคนต่อคิวเร็วอดซื้อ เพราะสาขาป้อนคำสั่งเข้าส่วนกลางช้าเลยไม่ได้ "อภิสิทธิ์"เล็งคุยครม.เพิ่มโควต้าขายคนทั่วไป

ผู้สูงอายุซื้อพันธบัตร3หมื่นล.เกลี้ยง
จากกรณีที่รัฐบาลกำหนดขายพันธบัตรไทยเข้มแข็ง 5 หมื่นล้านบาท โดยแบ่งเป็น 3 ล็อต โดยล็อตแรกวงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาทขายให้ผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป วันที่ 13-14 กรกฎาคม ล็อตที่ 2 วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาทเปิดขายให้ผู้สูงอายุและประชาชนทั่วไปวันที่ 15-16 กรกฎาคม โดยทั้งสองล็อตจะกำหนดให้ซื้อขั้นต่ำ 1 หมื่นบาท และไม่เกิน 1 ล้านบาท ส่วนล็อตที่ 3 วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท เปิดให้ประชาชนทั่วไป วันที่ 17-21 กรกฎาคม โดยไม่กำหนดเพดานการซื้อ แต่ปรากฏว่าการเปิดขายวันแรก 1.5 หมื่นล้านบาทสำหรับผู้สูงอายุหมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว จนต้องนำวงเงินในส่วนล็อตที่ 3 มาสมทบ 1.5 หมื่นล้านบาท รวมเป็น 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งก็ขายหมดอย่างรวดเร็วเช่นกัน

นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการเปิดจำหน่ายพันธบัตรไทยเข้มแข็งวันที่ 13 กรกฎาคมเป็นวันแรกว่า ได้รับความสนใจจากผู้สูงอายุเป็นจำนวนมาก กระทรวงการคลังจึงตัดสินใจเพิ่มวงเงินอีกเท่าตัวคือ 1.5 หมื่นล้านบาท เป็น 3 หมื่นล้านบาท โดยโยกจากวงเงิน 2 หมื่นล้านบาทที่เตรียมขายให้กับประชาชนทั่วไปในวันที่ 17-21 กรกฎาคมนี้ และพบว่าจำหน่ายได้หมดทั้ง 3 หมื่นล้านบาทเช่นกัน โดยมีผู้สูงอายุทั่วประเทศ 4 หมื่นรายได้ซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ครั้งนี้ เฉลี่ยรายละ 6-7 แสนบาท อ่านรายละเอียด

Thursday, July 02, 2009

ยกระดับเป็นมหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ

คมชัดลึก : ศธ.ทุ่มกว่าหมื่นล้าน อัดฉีดมหาวิทยาลัยชั้นนำ 7-10 แห่ง ยกระดับเป็นมหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ เงื่อนไขต้องเป็นมหาวิทยาลัยที่ติดอยู่ใน 500 อันดับแรกของ Time ระบุต้องผลิตงานวิจัยสนองพัฒนาชาติให้มากขึ้น
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) แถลงข่าวโครงการพัฒนามหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ (National Research Universities) ว่ากระทรวงต้องการเร่งพัฒนามหาวิทยาลัยไทยให้มีศักยภาพการทำวิจัยเพิ่มขึ้น จึงขอใช้งบเงินกู้กระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 (2553-2555) ประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท อัดฉีดให้มหาวิทยาลัยชั้นนำที่มีศักยภาพด้านวิจัย 7-10 แห่ง ยกระดับเป็นมหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติที่มีขีดความสามารถระดับโลก (World-Class University) ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
รมว.ศึกษาธิการกล่าวต่อว่า โครงการนี้จะสนับสนุนงบประมาณให้มหาวิทยาลัยที่ได้รับเลือก ไปดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ของตัวเอง เพื่อเพิ่มสมรรถนะการผลิตผลงานวิจัยและผลิตบุคลากรด้านวิจัยที่ตอบสนองต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมของประเทศ ตั้งเป้าไว้ว่า มหาวิทยาลัยที่เข้าโครงการต้องเบียดเข้าไปอยู่ใน 500 อันดับแรกของการจัดลำดับมหาวิทยาลัยทั่วโลกโดย Times Higher Education-QS หรือหากมหาวิทยาลัยนั้นอยู่ใน 500 อันดับแรกอยู่แล้ว ก็ต้องเลื่อนขั้นอยู่ในตำแหน่งดีขึ้น มหาวิทยาลัยต้องมีศูนย์วิจัยที่ได้รับการยอมรับอย่างน้อย 3 ด้าน

“โครงการนี้จะทำให้เกิดการพัฒนาศักยภาพด้านการทำวิจัยของมหาวิทยาลัย ส่งผลโดยตรงต่อการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และรองรับรับแผนพัฒนาประเทศเป็นศูนย์กลางการศึกษาของ อีดูเคชั่น ฮับ ของภูมิภาคนี้“ รมว.ศึกษาธิการกล่าว

นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า เปิดรับสมัครมหาวิทยาลัยเข้าร่วมโครงการตั้งแต่วันที่ 1-10 กรกฎาคม ซึ่งมหาวิทยาลัยจะต้องติดอยู่ใน 500 อันดับแรกของ Times Higher Education-QS ประจำปี 2008 หรือเป็นมหาวิทยาลัยที่มีผลงานวิจัยในฐานะข้อมูลระดับนานาชาติไม่ต่ำกว่า 500 เรื่องใน 5 ปีล่าสุด มีผลงานวิจัยระดับนานาชาติที่โดดเด่นอย่างน้อย 2 ใน 5 สาขาของ Times Higher Education-QS และต้องมีสัดส่วนอาจารย์จบปริญญาเอกมากกว่า 40% จะประกาศคัดเลือกเดือนสิงหาคมนี้

ด้าน ดร.สุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวว่า ผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกล่าสุดของ Times Higher Education-QS นั้น มีมหาวิทยาลัยติดอันดับ 7 แห่งจากทั้งหมด 165 แห่ง จุฬาฯ อันดับที่ 166 ม.มหิดล อันดับที่ 251 ม.เกษตรศาสตร์ อันดับที่ 400 ม.เชียงใหม่ ม.ธรรมศาสตร์ ม.ขอนแก่น และ ม.สงขลานครินทร์ อยู่ในอันดับ 400-500 แหล่งข้อมูล

อนามัยโลกยันไข้หวัด2009 ยังรักษาได้ด้วย"ทามิฟลู"

อนามัยโลกยันหวัด2009 ยังรักษาได้ด้วย"ทามิฟลู"
เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน นายดิ๊ก ทอมป์สัน โฆษกประจำสำนักงานองค์การอนามัยโลก ยืนยันว่า ไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 ยังคงรักษาได้ด้วยยาทามิฟลู (โอเซลทามิเวียร์) ที่ผลิตโดยบริษัทโรช ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แม้จะมีรายงานก่อนหน้านี้ว่า มีผู้ป่วยชาวเดนมาร์กรายหนึ่งไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาดังกล่าวนี้ ก็ยังถือว่าเป็นกรณีดื้อยาที่เกิดขึ้นเพียงรายเดียว ยังไม่ส่งผลถึงกับทำให้ องค์การอนามัยโลกต้องเปลี่ยนแปลงคำแนะนำในการเยียวยาอาการของไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 แต่อย่างใด และไม่ได้แสดงให้เห็นว่าภาวะของโรคดังกล่าวในเวลานี้เลวร้ายลงกว่าเดิมเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลกยังคงเตือนให้ทุกฝ่ายต้องระมัดระวังจับตาวิวัฒนาการของไวรัสเอช 1 เอ็น 1 ที่อาจเปลี่ยนแปลงไปได้ทุกเวลา

สถาบันเซรุ่มแห่งรัฐของทางการเดนมาร์กแถลงก่อนหน้านี้ว่า ผู้ป่วยรายดังกล่าวได้รับยาทามิฟลูเข้าไปและไม่ได้แสดงอาการตอบสนองต่อยาใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้น จึงคาดว่าผู้ป่วยรายนี้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่กลายพันธุ์เป็นดื้อยาทามิฟลูไปเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยรายดังกล่าวยังคงตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาพ่นทางจมูก รีเลนซ่า (ซานามิเวียร์) และหายเป็นปกติดีแล้วในขณะนี้

อนึ่ง โรชประกาศในเวลาต่อมาว่า เตรียมเปิดโครงการผลิตและเก็บตุนทามิฟลูไว้ให้เพียงพอสำหรับการใช้ในประเทศกำลังพัฒนาโดยจะจำหน่ายให้ในราคาถูกเป็นพิเศษคือครึ่งหนึ่งของราคาจำหน่ายปกติในเวลานี้ ที่ราว 6 ยูโรต่อ 10 แค็ปซูล จากราคาปกติ 12 ยูโรต่อ10 แค็ปซูล (รอยเตอร์/เอเอฟพี)แหล่งข้อมูล

ประเทศไทยโดยองการเภสัชกรรม หรือ GPO ได้ผลิตยาโอเซลทามิเวียร์(Oseltamivir) ได้แล้วในประเทศไทย“โอเซลทามิเวียร์” เป็นชื่อสามัญ มีบริษัทโรชเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ และผลิตยาตัวนี้ขายในชื่อการค้าว่า “ทามิฟลู” โดย อภ.ได้รับอนุญาตให้ผลิตยาต้านไวรัสตัวนี้ได้ในชื่อการค้าว่า “จีพีโอ-เอ-ฟลู” (GPO-A-Flu) ในราคาเม็ดละประมาณ 70 บาท หากสั่งซื้อจากต่างประเทศจะมีราคาเม็ดละ 100 กว่าบาท แต่การผลิตจีพีโอ-เอ-ฟลูต้องทำภายใต้สิทธิบัตรของบริษัทโรช และต้องจำหน่ายภายในไทยเท่านั้น เนื่องจาก 2 -3 ปีที่แล้วบริษัทโรชเห็นว่าไทยอยู่ในกลุ่มประเทศเสี่ยงสูงต่อการแพร่ระบาดของ เชื้อไข้หวัดนก แหล่งข้อมูล