Monday, July 21, 2008

สถิติคุกคามทางเทคโนโลยี-การสื่อสารเพิ่มสูง

พ.ต.ท.ศิริพงษ์ ติมุลา ผู้กำกับการศูนย์ตรวจสอบและวิเคราะห์การกระทำความผิดทางเทคโนโลยี (ศตท.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคมว่า ศตท.เร่งเผยแพร่และสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนและองค์กรต่างๆ เรื่องพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ก่อนมีผลบังคับใช้จริงจังวันที่ 23 สิงหาคมนี้ ทั้งนี้ พบสถิติปัญหาภัยคุกคามทางเทคโนโลยีและการสื่อสารมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

จากการสำรวจผู้ใช้คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต ของหน่วยปฏิบัติการวิจัยเทคโนโลยีเครือข่ายศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) พบว่า ปี 2549 มีผู้ใช้งานจำนวน 11.41 ล้านคน ปี 2550 จำนวน 13.42 ล้านคน เพิ่มขึ้น 17.55% ต่อปี การสำรวจนี้ทำให้คาดการได้ว่าแนวดน้มของผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ทั้งที่ตั้งใจและไม่รู้ว่าตนเองกระทำความผิดอยู่ มีแนวดน้มเพิ่มสูงขึ้นตามจำนวนการใช้คอมพิวเตอรืและอินเตอร์เน็ตที่สูงขึ้นทุกปี

ศตท.พบว่า 5 อันดับแรกของการกระทำความผิดมากที่สุด 1.การหมิ่นประมาททางออนไลน์ 2.การพนันออนไลน์และเว็บไซต์ลามกอนาจาร 3.การฉ้อโกงออนไลน์ 4.การทุจริตในการทำธุรกรรมทางการเงิน 5.การเจาะระบบและการโจมตีระบบคอมพิวเตอร์
พ.ต.อ.ศิริพงษ์ กล่าวว่า ศตท.ประมวลผลและวิเคราะห์ว่าการหมิ่นประมาททางออนไลน์ มีจำนวนคดีมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง เป็นเรื่องใกล้ตัวประชาชนมากที่สุด เพราะผู้กระทำผิดส่วนใหญ่ไม่คิดว่าจะก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรงต่อตนเอง รวมทั้งการตรวจจับเพื่อนำมาดำเนินคดีทางอาญา เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก เพราะไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ ทำที่ไหน และทำเมื่อไร ซึ่งความเสียหายจากการกระทำผิดส่งผลกระทบสองทางคือ ต่อผู้กระทำความผิดเอง หรือผู้จดทะเบียนนิติบุคคล (เจ้าของธุรกิจ) ที่ผู้กระทำผิดใช้เครือข่ายขององค์กรหรือหน่วยงาน
อีกประการที่มีความสำคัญมากคือ กฎหมายระบุในมาตรา 26-27 ให้ผู้ให้บริการต้องเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ (ล็อก ไฟล์) โดยเจตนารมณ์ของกฎหมายต้องการหาผู้กระทำความผิด การเก็บล็อก จึงต้องมีการเก็บเพื่อให้สามารถใช้เป็นหลักฐานในชั้นศาลได้ และเพื่อยืนยันความถูกต้องว่าไม่สามารถแก้ไขปรับปรุง เปลี่ยนแปลงได้ จึงต้องเก็บบันทึกไม่น้อยกว่า 90 วัน
"ปัญหาอาชญากรรมทางเครือข่ายอาจไม่ส่งผลกระทบไปยังผู้กระทำความผิดเท่านั้น แต่จะก่อความเสียหายไปถึงองค์กร หรือหน่วยงานที่ไม่รู้เท่าทันการคุกคามทางเทคโนโลยีและการสื่อสารด้วย" พ.ต.อ.ศิริพงษ์กล่าว แหล่งข้อมูล