ความแตกต่างระหว่าง LPG และ NGV
ตัวแทนจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงยุทธศาสตร์การแก้ไขด้านพลังงานของประเทศตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 17 พ.ค.2548 ที่มุ่งใช้พลังงานทางเลือก โดยเฉพาะก๊าซ NGV ว่า ในปี 2551 จะเพิ่ม supply ก๊าซ NGV ด้วยการขยายสถานีและเพิ่มสถานีแม่ให้มากขึ้น ถึงสิ้นปีนี้จะมีสถานีบริการเติมก๊าซ NGV เป็น 320 แห่ง แยกเป็นกรุงเทพฯ ปริมณฑล 166 แห่ง ภาคกลาง 104 แห่ง ภาคเหนือ 21 แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 17 แห่ง และภาคใต้ 12 แห่ง โดยตั้งเป้าการจ่ายก๊าซให้ได้ 5,464 ตัน/วัน ภายในสิ้นปีนี้ และเพิ่มรถขนส่งก๊าซจากปัจจุบัน (8 พ.ค.2551) 411 คัน เป็น 900 คัน
สิ้นปีนี้คาดว่าจะมีรถเล็กและรถบรรทุกขนาดใหญ่หันมาใช้ NGV เป็น 88,265 คัน ทดแทนน้ำมันในภาคขนส่งได้ 4% คิดเป็นมูลค่าทดแทน 15,060 ล้านบาท และในปี 2555 คาดว่าจะมีรถหันมาเติม NGV ทั้งหมด 328,000 คัน ทดแทนน้ำมันได้ 20% คิดเป็นมูลค่าทดแทน 90,025 ล้านบาท แหล่งข้อมูล
รายชื่อและแผนที่แสดงที่ตั้งสถานีบริการ NGVที่เปิดบริการทั่วประเทศ
สถานีบริการก๊าซ NGV ที่เปิดให้บริการแล้ว
ปัจจุบันมีรถขนส่งมวลชนที่ใช้ก๊าซ NGV แล้วประมาณร้อยละ 55 ถือว่าค่อนข้างเยอะ แต่ที่เตรียมจะทำเพิ่มเติมก็คือ การเพิ่มจุดสำหรับแท็กซี่สแตนด์ (จุดจอดรถแท็กซี่) เพื่อที่จะไม่ต้องขับตระเวนหา ผู้โดยสาร แต่ให้จอดเป็นที่เป็นทางเพื่อ ลดการใช้น้ำมัน ในส่วนของการขยาย สถานีบริการก๊าซ NGV ซึ่ง ปตท.รับหน้าที่หนักอยู่ในขณะนี้ก็มีการขยายกำลังการผลิต NGV อย่างเต็มที่ ในส่วนของ ปตท.เองลงทุนไปเยอะประมาณ 10,000 ล้านบาท เพื่อขยายสถานีบริการ NGV ให้ครอบคลุม
กระทรวงพลังงานยังได้เตรียมทำ roadmap สำหรับ NGV ในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว จนถึงปี 2555 ซึ่งจะสามารถทดแทนการใช้น้ำมันลงได้ถึง ร้อยละ 20 และเรายังมีการขยายโครงข่าย ท่อก๊าซ CityGas ซึ่งจะระบุทั้งหมดไว้ใน roadmap นี้ด้วยว่า เส้นทางขยาย CityGas จะครอบคลุมไปยังพื้นที่ใด ซึ่งตอนนี้มีสถานีแม่ก๊าซ NGV 13 แห่งแล้ว แหล่งข้อมูล
Friday, May 30, 2008
องค์กรแห่งการเรียนรู้
องค์กรแห่งการเรียนรู้ มีองค์ประกอบ (building blocks) ที่สำคัญ 3 ประการ ดังนี้ อ่านรายละเอียด
1)สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ (supportive learning environment)
2)กระบวนและการดำเนินการการเรียนรู้ที่เป็นรูปธรรม (concrete learning processes and practices)
3)พฤติกรรมของผู้นำที่กระตุ้นการเรียนรู้ (leadership that reinforcing learning)
1.สภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการเรียนรู้ (supportive learning environment) หมายถึง สภาพแวดล้อมขององค์กรที่สนับสนุนให้บุคลากรเกิดการเรียนรู้ เนื่องเพราะองค์กรจะเรียนรู้ไม่ได้หากบุคลากรไม่มีการเรียนรู้ บรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้จะเกื้อหนุนต่อการเรียนรู้ของบุคลากร และนำไปสู่การเรียนรู้ขององค์กรในที่สุด องค์ประกอบข้อนี้จะประกอบไปด้วยคุณลักษณะที่สำคัญขององค์กร 4 ประการ คือ
1.1.องค์กรจะต้องมีบรรยากาศของ "ความปลอดภัยเชิงจิตวิทยา" (psycho logical safety) กล่าวคือคนจะเรียนรู้ดีได้ ก็ต่อเมื่อคนไม่มีความรู้สึกหวาดกลัวว่าจะเป็นภัยอันตราย ถูกกลั่นแกล้ง รังแก คุกคาม หัวเราะเยาะ ดูถูก ฯลฯ หากเขาหรือเธอแสดงออกถึงความไม่เห็นด้วย ตั้งคำถามที่หน่อมแน้มไร้เดียงสา แสดงการยอมรับข้อผิดพลาดของตนเอง หรือ แสดงความเห็นที่แตกต่างไม่เหมือนคนอื่น
1.2.องค์กรจะต้อง "ชื่นชมยอมรับในความแตกต่าง" (appreciation of differences) การเรียนรู้จะเกิดขึ้น เมื่อคนตระหนักว่ามีความคิดที่แตกต่างหลากหลาย การยอมรับในคุณค่าของทรรศนะและโลกทัศน์ที่ขัดแย้งหลากหลายและใช้การได้จะเป็นพลังให้คนเกิดแรงจูงใจในการเรียนรู้
1.3.องค์กรจะต้อง "เปิดกว้างต่อทรรศนะใหม่ๆ" (openness to new ideas) การเรียนรู้มิใช่เป็นเพียงแค่เรื่องของการแก้ไขข้อผิดพลาดบกพร่องแล้วหาทางออกให้กับปัญหาที่ผ่านมา แต่ยังหมายถึงการสร้างสรรค์แนวทางใหม่ๆ พนักงานควรได้รับการส่งเสริมให้กล้าเสี่ยงและสำรวจหาสิ่งใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยทดสอบหรือยังไม่รู้จัก
1.4.องค์กรจะต้อง "มีเวลาให้ได้คิด เชิงสะท้อน" (time for reflection) แหล่งข้อมูล
องค์กรแห่งการเรียนรู้ อ่านรายละเอียด
2.1 องค์กรจะต้องส่งเสริม "ให้มีการทดลอง" (experimentation) เช่น การส่งเสริมบุคลากรคิดหาแนวทางใหม่ๆ ในการทำงาน ส่งเสริมให้พนักงานพัฒนาและทดสอบสินค้าและบริการใหม่ๆ
2.2 องค์กรส่งเสริมให้ "มีการเก็บรวบรวมข้อมูล" (information collection) โดยมีการเก็บรวบรวมข้อมูลอย่างเป็นระบบเพื่อติดตามความเคลื่อนไหวและแนวโน้มด้านการแข่งขัน คู่แข่งขัน ลูกค้า แนวโน้มด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง กฎหมาย และเทคโนโลยีใหม่ๆ
2.3 องค์กรส่งเสริมให้ "มีการวิเคราะห์" (analysis) โดยจัดให้บุคลากรได้มีการสนทนา (dialogue) อภิปราย (discuss) แล้วตีความข้อคิดเห็นและข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจและระบุหาปัญหาและแสวงหาแนวทางแก้ไขปัญหาเหล่านั้นร่วมกันอย่างสร้างสรรค์
2.4 องค์กรจัดให้มี "การศึกษาและ ฝึกอบรม" (education and training) เพื่อพัฒนาบุคลากรทั้งกลุ่มใหม่และกลุ่มเก่าได้มีความรู้ความสามารถในการทำงานอย่างเพียงพอ
2.5 องค์กรจัดให้มี "การถ่ายโอนข้อมูล" (information transfer) นั่นคือจะต้องมีการแบ่งปันข้อมูลและความรู้อย่างเป็นระบบและทั่วถึงทั้งในระดับปัจเจกบุคคล ระดับกลุ่มและระดับองค์กรโดยรวม โดยทั่วไปมักจะใช้ "กระบวนการแบ่งปันความรู้" (knowledge sharing process) เพื่อให้เกิดการเรียนรู้จากทั้งผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญจากสายงานอื่น ผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรอื่น การเรียนรู้จากลูกค้าและผู้รับบริการ การเรียนรู้จากซัพพลายเออร์ ฯลฯ
3.ภาวะผู้นำที่กระตุ้นการเรียนรู้ (leadership that reinforcing learning) ผลการศึกษาของทุกสำนักล้วนชี้ให้เห็นว่า องค์กรจะพัฒนาหรือไม่พัฒนา จะเรียนรู้หรือไม่เรียนรู้ ล้วนขึ้นอยู่กับพฤติกรรมและทัศนคติของผู้นำ แหล่งข้อมูล
การสร้างวัฒนธรรมองค์กร
ระดมสมองสร้าง HPO เพื่อพัฒนาองค์กรสู่ขีดสมรรถนะที่สูง
1)สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ (supportive learning environment)
2)กระบวนและการดำเนินการการเรียนรู้ที่เป็นรูปธรรม (concrete learning processes and practices)
3)พฤติกรรมของผู้นำที่กระตุ้นการเรียนรู้ (leadership that reinforcing learning)
1.สภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการเรียนรู้ (supportive learning environment) หมายถึง สภาพแวดล้อมขององค์กรที่สนับสนุนให้บุคลากรเกิดการเรียนรู้ เนื่องเพราะองค์กรจะเรียนรู้ไม่ได้หากบุคลากรไม่มีการเรียนรู้ บรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้จะเกื้อหนุนต่อการเรียนรู้ของบุคลากร และนำไปสู่การเรียนรู้ขององค์กรในที่สุด องค์ประกอบข้อนี้จะประกอบไปด้วยคุณลักษณะที่สำคัญขององค์กร 4 ประการ คือ
1.1.องค์กรจะต้องมีบรรยากาศของ "ความปลอดภัยเชิงจิตวิทยา" (psycho logical safety) กล่าวคือคนจะเรียนรู้ดีได้ ก็ต่อเมื่อคนไม่มีความรู้สึกหวาดกลัวว่าจะเป็นภัยอันตราย ถูกกลั่นแกล้ง รังแก คุกคาม หัวเราะเยาะ ดูถูก ฯลฯ หากเขาหรือเธอแสดงออกถึงความไม่เห็นด้วย ตั้งคำถามที่หน่อมแน้มไร้เดียงสา แสดงการยอมรับข้อผิดพลาดของตนเอง หรือ แสดงความเห็นที่แตกต่างไม่เหมือนคนอื่น
1.2.องค์กรจะต้อง "ชื่นชมยอมรับในความแตกต่าง" (appreciation of differences) การเรียนรู้จะเกิดขึ้น เมื่อคนตระหนักว่ามีความคิดที่แตกต่างหลากหลาย การยอมรับในคุณค่าของทรรศนะและโลกทัศน์ที่ขัดแย้งหลากหลายและใช้การได้จะเป็นพลังให้คนเกิดแรงจูงใจในการเรียนรู้
1.3.องค์กรจะต้อง "เปิดกว้างต่อทรรศนะใหม่ๆ" (openness to new ideas) การเรียนรู้มิใช่เป็นเพียงแค่เรื่องของการแก้ไขข้อผิดพลาดบกพร่องแล้วหาทางออกให้กับปัญหาที่ผ่านมา แต่ยังหมายถึงการสร้างสรรค์แนวทางใหม่ๆ พนักงานควรได้รับการส่งเสริมให้กล้าเสี่ยงและสำรวจหาสิ่งใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยทดสอบหรือยังไม่รู้จัก
1.4.องค์กรจะต้อง "มีเวลาให้ได้คิด เชิงสะท้อน" (time for reflection) แหล่งข้อมูล
องค์กรแห่งการเรียนรู้ อ่านรายละเอียด
2.1 องค์กรจะต้องส่งเสริม "ให้มีการทดลอง" (experimentation) เช่น การส่งเสริมบุคลากรคิดหาแนวทางใหม่ๆ ในการทำงาน ส่งเสริมให้พนักงานพัฒนาและทดสอบสินค้าและบริการใหม่ๆ
2.2 องค์กรส่งเสริมให้ "มีการเก็บรวบรวมข้อมูล" (information collection) โดยมีการเก็บรวบรวมข้อมูลอย่างเป็นระบบเพื่อติดตามความเคลื่อนไหวและแนวโน้มด้านการแข่งขัน คู่แข่งขัน ลูกค้า แนวโน้มด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง กฎหมาย และเทคโนโลยีใหม่ๆ
2.3 องค์กรส่งเสริมให้ "มีการวิเคราะห์" (analysis) โดยจัดให้บุคลากรได้มีการสนทนา (dialogue) อภิปราย (discuss) แล้วตีความข้อคิดเห็นและข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจและระบุหาปัญหาและแสวงหาแนวทางแก้ไขปัญหาเหล่านั้นร่วมกันอย่างสร้างสรรค์
2.4 องค์กรจัดให้มี "การศึกษาและ ฝึกอบรม" (education and training) เพื่อพัฒนาบุคลากรทั้งกลุ่มใหม่และกลุ่มเก่าได้มีความรู้ความสามารถในการทำงานอย่างเพียงพอ
2.5 องค์กรจัดให้มี "การถ่ายโอนข้อมูล" (information transfer) นั่นคือจะต้องมีการแบ่งปันข้อมูลและความรู้อย่างเป็นระบบและทั่วถึงทั้งในระดับปัจเจกบุคคล ระดับกลุ่มและระดับองค์กรโดยรวม โดยทั่วไปมักจะใช้ "กระบวนการแบ่งปันความรู้" (knowledge sharing process) เพื่อให้เกิดการเรียนรู้จากทั้งผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญจากสายงานอื่น ผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรอื่น การเรียนรู้จากลูกค้าและผู้รับบริการ การเรียนรู้จากซัพพลายเออร์ ฯลฯ
3.ภาวะผู้นำที่กระตุ้นการเรียนรู้ (leadership that reinforcing learning) ผลการศึกษาของทุกสำนักล้วนชี้ให้เห็นว่า องค์กรจะพัฒนาหรือไม่พัฒนา จะเรียนรู้หรือไม่เรียนรู้ ล้วนขึ้นอยู่กับพฤติกรรมและทัศนคติของผู้นำ แหล่งข้อมูล
การสร้างวัฒนธรรมองค์กร
ระดมสมองสร้าง HPO เพื่อพัฒนาองค์กรสู่ขีดสมรรถนะที่สูง
แกนนำพันธมิตรฯถึงสภาเข้ายื่นถอดส.ส.-ส.ว.แล้ว
3 แกนนำพันธมิตรฯถึงสภาเข้ายื่นถอดส.ส.-ส.ว.แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั้ง 3 คนได้แก่ นายพิภพ ธงไชย, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายสุริยะใส กตะศิลา ได้เดินทางไปที่รัฐสภา เพื่อยื่นหนังสือถอดถอน ส.ส.และ ส.ว. ที่จะลงชื่อขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต่อนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา แล้ว
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า พฤติการของส.ส.- ส.ว. ที่ร่วมลงนามแก้รัฐธรรมนูญ 2550 ว่าเข้าข่ายความผิดมาตรา 270 ต่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ดังนี้
1.ความผิดของส.ส.ตามมาตรา 122 การปฎิบัติหน้าที่อันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ เนื่องจากมี ส.ส. บางส่วนสังกัดพรรคการเมืองที่กำลังถูกดำเนินคดียุบพรรค ในขณะที่ร่างรัฐธรรมนูญ มีจุดมุ่งหมายอย่างชัดเจน เพื่อให้พรรคการเมืองของตนพ้นจากควมผิดยุบพรรค แม้ส.ส.จะอ้างเอกสิทธิคุ้มครอง แต่ก็ไม่ได้ หมายความว่า ส.ส. จะไม่ได้ใช้เอกสิทธิในทางที่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ
2.ความผิดของส.ว. ตามม. 122 การปฎิบัติหน้าที่อันเป็นการขัดกันแห่งประโยชน์เนื่องจากร่างแก้ไขเพิมเติมรัฐธรรมนูญ ได้มุ่งหมายเปลี่ยนโครงสร้างของวุฒิสภา ทั้งที่มาและอำนาจหน้าที่ หวังเพิ่มอำนาจหน้าที่ให้ส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้ง โดยให้ยุบเลิกส.ว.ที่มาจากการสรรหาทิ้ง ฉะนั้นการที่ส.ว. ที่มาจากการเลือกตั้งบางส่วน ร่วมลงชื่อแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญ ฉบันนี้จึงถือเป็นการกระทำที่มีส่วนได้เสีย
3.ความผิดตาม ม. 291 เนื่องจากร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ทั้งเนื้อหาและรูปแบบที่เสนอมานั้นไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ม. 291 และข้อบังคับการประชุมรัฐสภา กล่าวคือให้นำบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ 2540 มาใช้บังคับแทนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ 2550 โดยการยกเลิกเชื่อหมวด ตั้งแต่หมวด 3 สิทธิและเสรีภาพของชาวไทยจนถึงบทเฉพาะกาล และให้นำชื่อหมวดและบทบัญญัติ รัฐธรรมนูญ 2540 มาใช้บังคับแทนทั้งหมด โดยเริ่มตั้งแต่หมวด 3 ดังนั้น รูปแบบดังกล่าวจึงมีลักษณะเป็นการให้นำบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ 2540 มาใช้บังคับแทน 2550
และ 4.ความผิดตาม ม. 68 พบว่าบทญัตติการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ทั้งรูปแบบวิธีการและสาระสำคัญในร่างแก้ไข ที่เสนอต่อรัฐสภาครั้งนี้เป็นการโละ และล้มล้างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ จึงเป็นวิธีการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ ซึ่งมิได้เป็นไปตามวิธีทางที่บัญญัติไว้ใน รัฐธรรมนูญ ฉบับปัจจุบัน แหล่งข้อมูล และภาพประกอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั้ง 3 คนได้แก่ นายพิภพ ธงไชย, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายสุริยะใส กตะศิลา ได้เดินทางไปที่รัฐสภา เพื่อยื่นหนังสือถอดถอน ส.ส.และ ส.ว. ที่จะลงชื่อขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต่อนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา แล้ว
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า พฤติการของส.ส.- ส.ว. ที่ร่วมลงนามแก้รัฐธรรมนูญ 2550 ว่าเข้าข่ายความผิดมาตรา 270 ต่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ดังนี้
1.ความผิดของส.ส.ตามมาตรา 122 การปฎิบัติหน้าที่อันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ เนื่องจากมี ส.ส. บางส่วนสังกัดพรรคการเมืองที่กำลังถูกดำเนินคดียุบพรรค ในขณะที่ร่างรัฐธรรมนูญ มีจุดมุ่งหมายอย่างชัดเจน เพื่อให้พรรคการเมืองของตนพ้นจากควมผิดยุบพรรค แม้ส.ส.จะอ้างเอกสิทธิคุ้มครอง แต่ก็ไม่ได้ หมายความว่า ส.ส. จะไม่ได้ใช้เอกสิทธิในทางที่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ
2.ความผิดของส.ว. ตามม. 122 การปฎิบัติหน้าที่อันเป็นการขัดกันแห่งประโยชน์เนื่องจากร่างแก้ไขเพิมเติมรัฐธรรมนูญ ได้มุ่งหมายเปลี่ยนโครงสร้างของวุฒิสภา ทั้งที่มาและอำนาจหน้าที่ หวังเพิ่มอำนาจหน้าที่ให้ส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้ง โดยให้ยุบเลิกส.ว.ที่มาจากการสรรหาทิ้ง ฉะนั้นการที่ส.ว. ที่มาจากการเลือกตั้งบางส่วน ร่วมลงชื่อแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญ ฉบันนี้จึงถือเป็นการกระทำที่มีส่วนได้เสีย
3.ความผิดตาม ม. 291 เนื่องจากร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ทั้งเนื้อหาและรูปแบบที่เสนอมานั้นไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ม. 291 และข้อบังคับการประชุมรัฐสภา กล่าวคือให้นำบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ 2540 มาใช้บังคับแทนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ 2550 โดยการยกเลิกเชื่อหมวด ตั้งแต่หมวด 3 สิทธิและเสรีภาพของชาวไทยจนถึงบทเฉพาะกาล และให้นำชื่อหมวดและบทบัญญัติ รัฐธรรมนูญ 2540 มาใช้บังคับแทนทั้งหมด โดยเริ่มตั้งแต่หมวด 3 ดังนั้น รูปแบบดังกล่าวจึงมีลักษณะเป็นการให้นำบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ 2540 มาใช้บังคับแทน 2550
และ 4.ความผิดตาม ม. 68 พบว่าบทญัตติการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ทั้งรูปแบบวิธีการและสาระสำคัญในร่างแก้ไข ที่เสนอต่อรัฐสภาครั้งนี้เป็นการโละ และล้มล้างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ จึงเป็นวิธีการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ ซึ่งมิได้เป็นไปตามวิธีทางที่บัญญัติไว้ใน รัฐธรรมนูญ ฉบับปัจจุบัน แหล่งข้อมูล และภาพประกอบ
Wednesday, May 28, 2008
แรงสั่นสะเทือนหลังเกิดแผ่นดินไหว
ทีมวิจัยนำข้อมูลแรงสั่นสะเทือนช่วง5 ชั่วโมงก่อน และหลังเกิดแผ่นดินไหวเหล่านี้ โดยนำข้อมูลจากสถานีวิจัยกว่า 500 แห่งทั่วโลก พวกเขาพบว่าแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ 12 ครั้งเหล่านี้ก่อให้เกิดแรงกระเพื่อม จนทำให้เกิดแผ่นดินไหวไปทั่วโลก ยกตัวอย่าง แผ่นดินไหวกลางมหาสมุทรอินเดียเมื่อ ปี 2547 ทำให้เกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็กไปไกลถึงอลาสกา แคลิฟอร์เนีย และเอกวาดอร์
เท่ากับว่าแผ่นดินไหวขนาดใหญ่เหล่านั้นทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนไม่รุนแรง600 ครั้งทั่วโลกทุก 5 นาที และนักวิจัยยังพบว่า แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทำให้เกิดแรงสะเทือนเพิ่มเป็นสองเท่าจากปกติ แผ่นดินไหวบางเหตุการณ์เช่นในปี 2547 ทำให้เกิดแผ่นดินไหวลูกย่อม 2,400 ครั้ง มากกว่าปกติ ถึงกระนั้นยังพอโล่งอกได้บ้างว่า แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ไม่ส่งผลให้เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ลูกอื่นตามมา แหล่งข้อมูล
รายงานแผ่นดินไหว
เท่ากับว่าแผ่นดินไหวขนาดใหญ่เหล่านั้นทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนไม่รุนแรง600 ครั้งทั่วโลกทุก 5 นาที และนักวิจัยยังพบว่า แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทำให้เกิดแรงสะเทือนเพิ่มเป็นสองเท่าจากปกติ แผ่นดินไหวบางเหตุการณ์เช่นในปี 2547 ทำให้เกิดแผ่นดินไหวลูกย่อม 2,400 ครั้ง มากกว่าปกติ ถึงกระนั้นยังพอโล่งอกได้บ้างว่า แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ไม่ส่งผลให้เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ลูกอื่นตามมา แหล่งข้อมูล
รายงานแผ่นดินไหว
นาทีนี้จะมีใครดังไปกว่าคุณจักรภพ เพ็ญแข
นาทีนี้จะมีใครดังไปกว่าคุณจักรภพ เพ็ญแข
ตร.เรียก'จักรภพ' รับทราบข้อหาหมิ่นสถาบันกษัตริย์ผิดอาญาม.112
Jakrapob’s Code : ถอดรหัสลับทรรศนะอันเป็นอันตรายของ จักรภพ เพ็ญแข
หัวข้อปาฐกถาของคุณจักรภพที่ FCCT คือ Democracy and Patronage System of Thailand—ประชาธิปไตยกับระบบอุปถัมภ์ของไทย คุณจักรภพแสดงโดยเหลือบดูบทร่างเป็นระยะๆ ปาฐกถานี้มีเนื้อหาเป็นเอกภาพอย่างยิ่ง เนื้อหาแบ่งออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ
ส่วนที่ 1 ว่าด้วยประวัติและพัฒนาการระบบอุปถัมภ์ของไทยในสมัยสุโขทัยมาจนถึงปัจจุบันอย่างย่อๆ ส่วนนี้คุณจักรภพพยายามวิเคราะห์ให้เห็นรากเหง้าของระบบอุปถัมภ์ของไทยและผลกระทบที่มีต่อวิกฤติการเมืองของไทยในปัจจุบัน
ส่วนที่ 2 เป็นบทสรรเสริญความกล้าหาญ พ.ต.ต. ทักษิณ ชินวัตร ที่กล้าเผชิญหน้ากับระบบอุปถัมภ์อย่างซึ่งๆ หน้า และผลงานบริหารราชการแผ่นดินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้มีส่วนอย่างสำคัญในการทำลายระบบอุปถัมภ์ของไทย
ส่วนที่ 3 เป็นคำประกาศเจตนารมณ์อย่างชัดแจ้งและแรงกล้าของคุณจักรภพว่า คุณจักรภพและพวกจะทำลายระบบอุปถัมภ์ของไทยให้ภินท์พังลงแบบชนิดขุดรากถอนโคน และตั้งใจจะทำให้เกิดขึ้นในช้าไม่นานหลังจากนี้ แหล่งข้อมูล
คำบรรยาย (ฉบับเต็ม)คําแปลการบรรยายโดย 'จักรภพ เพ็ญแข'
อีกเรื่อง ประชาชนทั่วไปสามารถดาวน์โหลดหนังสือลงลายมือชื่อถอดถอน ส.ส.-ส.ว.ที่ลงชื่อหนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 แหล่งข้อมูล
ตร.เรียก'จักรภพ' รับทราบข้อหาหมิ่นสถาบันกษัตริย์ผิดอาญาม.112
Jakrapob’s Code : ถอดรหัสลับทรรศนะอันเป็นอันตรายของ จักรภพ เพ็ญแข
หัวข้อปาฐกถาของคุณจักรภพที่ FCCT คือ Democracy and Patronage System of Thailand—ประชาธิปไตยกับระบบอุปถัมภ์ของไทย คุณจักรภพแสดงโดยเหลือบดูบทร่างเป็นระยะๆ ปาฐกถานี้มีเนื้อหาเป็นเอกภาพอย่างยิ่ง เนื้อหาแบ่งออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ
ส่วนที่ 1 ว่าด้วยประวัติและพัฒนาการระบบอุปถัมภ์ของไทยในสมัยสุโขทัยมาจนถึงปัจจุบันอย่างย่อๆ ส่วนนี้คุณจักรภพพยายามวิเคราะห์ให้เห็นรากเหง้าของระบบอุปถัมภ์ของไทยและผลกระทบที่มีต่อวิกฤติการเมืองของไทยในปัจจุบัน
ส่วนที่ 2 เป็นบทสรรเสริญความกล้าหาญ พ.ต.ต. ทักษิณ ชินวัตร ที่กล้าเผชิญหน้ากับระบบอุปถัมภ์อย่างซึ่งๆ หน้า และผลงานบริหารราชการแผ่นดินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้มีส่วนอย่างสำคัญในการทำลายระบบอุปถัมภ์ของไทย
ส่วนที่ 3 เป็นคำประกาศเจตนารมณ์อย่างชัดแจ้งและแรงกล้าของคุณจักรภพว่า คุณจักรภพและพวกจะทำลายระบบอุปถัมภ์ของไทยให้ภินท์พังลงแบบชนิดขุดรากถอนโคน และตั้งใจจะทำให้เกิดขึ้นในช้าไม่นานหลังจากนี้ แหล่งข้อมูล
คำบรรยาย (ฉบับเต็ม)คําแปลการบรรยายโดย 'จักรภพ เพ็ญแข'
อีกเรื่อง ประชาชนทั่วไปสามารถดาวน์โหลดหนังสือลงลายมือชื่อถอดถอน ส.ส.-ส.ว.ที่ลงชื่อหนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 แหล่งข้อมูล
Monday, May 26, 2008
“ราคาน้ำมันจะสูงขึ้นไปถึงเท่าไร”
“ราคาน้ำมันจะสูงขึ้นไปถึงเท่าไร”
ราคาน้ำมันวันนี้
โกลด์แมนแซคส์ออกบทวิเคราะห์ทำนายว่าราคาน้ำมันจะเพิ่มขึ้นถึง 150 ถึง 200 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในอีก 6 ถึง 24 เดือนข้างหน้า ส่วนบทวิเคราะห์ของแมทธิว ซิมมอนทำนายว่าราคาน้ำมันจะขึ้นไปถึง 300 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปี 2013 ...
เหตุผลหลักๆ ของการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันเนื่องมาจากปริมาณของดีมานด์และซัพพลายของน้ำมันดิบไม่สมดุลกัน ในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะหลังวิกฤติเศรษฐกิจของเอเชียปี 1997 จากโรคต้มยำกุ้งที่เกิดจากการลอยตัวค่าเงินบาทของไทยจนลุกลามไปทั่วโลก ราคาน้ำมันได้ตกต่ำเป็นประวัติการณ์ที่ต่ำกว่า 20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทำให้บริษัทน้ำมันขาดทุนเป็นจำนวนมาก
เมื่อบริษัทไม่กำไรจึงไม่มีเงินทุนไปลงทุนในส่วนของการขุดเจาะและผลิตน้ำมันเพิ่มเติม ซัพพลายของน้ำมันดิบจึงคงตัวมาเป็นเวลาหลายปี จวบจนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนที่เพิ่มขึ้นเป็นเลขสองหลักมากกว่าทศวรรษ ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันของประเทศจีนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนดีมานด์มากกว่าซัพพลาย ราคาน้ำมันจึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในตอนนี้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่าสำนักสายที่สองได้คาดการณ์สถานการณ์น้ำมันได้อย่างถูกต้อง ปัจจุบันราคาน้ำมันได้เพิ่มขึ้นจาก 90 ดอลลาร์เมื่อปลายปีที่แล้วมาอยู่ที่ 126 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในเดือนพฤษภาคมนี้ และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มสูงขึ้นต่อไป
แหล่งข้อมูล
สถานการณ์พลังงานในปี 2550 และแนวโน้มปี 2551
ราคาน้ำมันวันนี้
โกลด์แมนแซคส์ออกบทวิเคราะห์ทำนายว่าราคาน้ำมันจะเพิ่มขึ้นถึง 150 ถึง 200 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในอีก 6 ถึง 24 เดือนข้างหน้า ส่วนบทวิเคราะห์ของแมทธิว ซิมมอนทำนายว่าราคาน้ำมันจะขึ้นไปถึง 300 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปี 2013 ...
เหตุผลหลักๆ ของการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันเนื่องมาจากปริมาณของดีมานด์และซัพพลายของน้ำมันดิบไม่สมดุลกัน ในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะหลังวิกฤติเศรษฐกิจของเอเชียปี 1997 จากโรคต้มยำกุ้งที่เกิดจากการลอยตัวค่าเงินบาทของไทยจนลุกลามไปทั่วโลก ราคาน้ำมันได้ตกต่ำเป็นประวัติการณ์ที่ต่ำกว่า 20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทำให้บริษัทน้ำมันขาดทุนเป็นจำนวนมาก
เมื่อบริษัทไม่กำไรจึงไม่มีเงินทุนไปลงทุนในส่วนของการขุดเจาะและผลิตน้ำมันเพิ่มเติม ซัพพลายของน้ำมันดิบจึงคงตัวมาเป็นเวลาหลายปี จวบจนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนที่เพิ่มขึ้นเป็นเลขสองหลักมากกว่าทศวรรษ ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันของประเทศจีนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนดีมานด์มากกว่าซัพพลาย ราคาน้ำมันจึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในตอนนี้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่าสำนักสายที่สองได้คาดการณ์สถานการณ์น้ำมันได้อย่างถูกต้อง ปัจจุบันราคาน้ำมันได้เพิ่มขึ้นจาก 90 ดอลลาร์เมื่อปลายปีที่แล้วมาอยู่ที่ 126 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในเดือนพฤษภาคมนี้ และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มสูงขึ้นต่อไป
แหล่งข้อมูล
สถานการณ์พลังงานในปี 2550 และแนวโน้มปี 2551
Friday, May 23, 2008
การจัดอันดับดัชนีความสงบสุขโลก(จีพีไอ)
อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการจัดอันดับดัชนีความสงบสุขโลก (จีพีไอ) ซึ่งไทยอยู่รั้งท้ายในอาเซียนยกเว้นพม่า โดยตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือและวิธีการที่นำมาใช้ เนื่องจากไม่แน่ใจว่านำข้อมูลใดมาพิจารณาและเป็นข้อมูลที่ถูกต้องหรือไม่ เพราะเป็นไปได้น้อยมากที่จะเป็นข้อมูลล่าสุดจากทั้ง 140 ประเทศ นอกจากนี้ ยังไม่มีการเก็บข้อมูลในพื้นที่โดยตรง รวมทั้งไม่แยกแยะข้อแตกต่างของสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ อาทิ การนำตัวเลขความเสียหายจาก 3 จังหวัดชายแดนใต้ไปใช้ในการวัดความรุนแรงทั้งประเทศทั้งที่จังหวัดอื่นๆ ประชาชนยังใช้ชีวิตอย่างปกติสุข ขณะที่สถาบันอื่นที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล อาทิ ไอเอ็มดีของสวิตเซอร์แลนด์ ก็เพิ่งปรับอันดับความสามารถในการแข่งขันของไทยให้ดีขึ้นถึง 6 ตำแหน่ง และไทยยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นประเทศที่น่าท่องเที่ยวจากสถาบันต่างๆ ในยุโรปอีกด้วย แหล่งข้อมูล
Genuine Progress Indicator
Indicator 2006
Genuine Progress Indicator
Indicator 2006
Saturday, May 17, 2008
หอสมุดอนุรักษ์เอกสารโบราณดิจิทัล
โครงการ EMC Information Heritage Initiative ขึ้นเมื่อปี 2550 เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านการเก็บรักษาและปกป้องมรดกข้อมูลของมนุษยชาติ และเปิดโอกาสให้มีการเข้าถึงเอกสารสำคัญทางประวัติศาสตร์และงานศิลปะผ่านทางอินเตอร์เน็ต เพื่อรองรับงานค้นคว้าวิจัยและการศึกษาหาความรู้
โดยภายใต้โครงการดังกล่าว ก็ได้มีการทำโครงการ EMC Heritage Trust ขึ้น เพื่อให้รางวัลยกย่องและสนับสนุนโครงการต่างๆ ขององค์กรระดับท้องถิ่น ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงสถาบันหรือบุคคล ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อการปกป้องและปรับปรุงการเข้าถึงข้อมูลในชุมชนต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งผลจากการตรวจสอบโรงการที่สมัครเข้ามาทั้งหมด 325 โครงการ จนสุดท้ายเหลือเพียง 7 โครงการที่ได้รับรางวัลไป ปรากฏว่า สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก็เป็นหนึ่งในองค์กรที่ผ่านการคัดเลือกจากอีเอ็มซีจนได้รับรางวัลในครั้งนี้ด้วย และเป็นหน่วยงานแรกของไทยที่ได้รับรางวัลดังกล่าว ....
ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท อีเอ็มซี อินฟอร์เมชั่น ซิสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า รู้สึกภูมิใจที่ทำให้เกิดการเก็บข้อมูลอันเป็นสมบัติของชาติ และทางอีเอ็มซีก็ยินที่จะให้คำปรึกษากับทางสำนักหอสมุดต่อไปทั้งในเรื่องการจัดเก็บ หรือแม้แต่โซลูชั่นต่างๆ ที่จะช่วยให้โครงการนี้เกิดประสิทธิผลยิ่งๆขึ้น โดยทางอีเอ็มซีเองไม่ได้มีข้อผูกมัดใดๆ ว่า ทางสำนักหอสมุดจะต้องใช้อุปกรณ์หรือโซลูชั่นของอีเอ็มซี หากแต่เป็นหน้าที่ของตนและทีมงานที่จะต้องทำให้โครงการของทางสำนักหอสมุดดำเนินไปได้ด้วยดี เกิดประสิทธิผลมากที่สุด รักษาสภาพของข้อมูลโบราณเหล่านี้เอาไว้ และคุณธาดาก็เล็งเห็นว่า น่าจะมีผู้สนับสนุนรายอื่นๆเข้ามาร่วมให้การสนับสนุนโครงการดีๆ อย่างนี้มากขึ้น ซึ่งอาจจะรวมไปถึงเรื่องการท่องเที่ยวด้วยก็ได้
หากได้ไปดูกระบวนการของบรรดาอาจารย์ที่สำนักหอสมุดทำกันแล้ว เพื่อการปกปักษ์รักษาเอกสารโบราณเหล่านี้ ก็น่าจะทำให้ใครต่อใครอีกหลายคนที่ไม่เห็นคุณค่าของมัน รู้สึกที่อยากจะรักสมบัติของชาติเหล่านี้ขึ้นมาบ้าง หากแต่จะให้ดี คงไม่ใช่การเก็บรักษาเอาไว้เพื่อเป็นทรัพย์สมบัติส่วนตัว แต่ควรจะอยู่ในที่ที่มันควรอยู่ เช่น มาจากวัดก็ควรจะอยู่ที่วัด
ที่สำคัญคือ เอกสารโบราณเหล่านี้ แม้จะเป็นภาษาล้านนาที่อ่านไม่ออก แต่ก็เป็นสมบัติของชาติที่ควรเก็บรักษาเอาไว้ และยังมีเอกสารโบราณอีกมากมายที่ยังขาดการดูแล ถ้าจะมีหน่วยงานไหนสนใจออกทุนเพื่อจัดทำโครงการดีๆ อย่างนี้อีก ก็น่าจะเป็นเรื่องดีสำหรับประเทศชาติที่มีทรัพย์สมบัติเก่าแก่โบราณอีกมาก แต่ยังขาดซึ่งคนที่เห็นคุณค่า
รายละอียด
โดยภายใต้โครงการดังกล่าว ก็ได้มีการทำโครงการ EMC Heritage Trust ขึ้น เพื่อให้รางวัลยกย่องและสนับสนุนโครงการต่างๆ ขององค์กรระดับท้องถิ่น ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงสถาบันหรือบุคคล ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อการปกป้องและปรับปรุงการเข้าถึงข้อมูลในชุมชนต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งผลจากการตรวจสอบโรงการที่สมัครเข้ามาทั้งหมด 325 โครงการ จนสุดท้ายเหลือเพียง 7 โครงการที่ได้รับรางวัลไป ปรากฏว่า สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก็เป็นหนึ่งในองค์กรที่ผ่านการคัดเลือกจากอีเอ็มซีจนได้รับรางวัลในครั้งนี้ด้วย และเป็นหน่วยงานแรกของไทยที่ได้รับรางวัลดังกล่าว ....
ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท อีเอ็มซี อินฟอร์เมชั่น ซิสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า รู้สึกภูมิใจที่ทำให้เกิดการเก็บข้อมูลอันเป็นสมบัติของชาติ และทางอีเอ็มซีก็ยินที่จะให้คำปรึกษากับทางสำนักหอสมุดต่อไปทั้งในเรื่องการจัดเก็บ หรือแม้แต่โซลูชั่นต่างๆ ที่จะช่วยให้โครงการนี้เกิดประสิทธิผลยิ่งๆขึ้น โดยทางอีเอ็มซีเองไม่ได้มีข้อผูกมัดใดๆ ว่า ทางสำนักหอสมุดจะต้องใช้อุปกรณ์หรือโซลูชั่นของอีเอ็มซี หากแต่เป็นหน้าที่ของตนและทีมงานที่จะต้องทำให้โครงการของทางสำนักหอสมุดดำเนินไปได้ด้วยดี เกิดประสิทธิผลมากที่สุด รักษาสภาพของข้อมูลโบราณเหล่านี้เอาไว้ และคุณธาดาก็เล็งเห็นว่า น่าจะมีผู้สนับสนุนรายอื่นๆเข้ามาร่วมให้การสนับสนุนโครงการดีๆ อย่างนี้มากขึ้น ซึ่งอาจจะรวมไปถึงเรื่องการท่องเที่ยวด้วยก็ได้
หากได้ไปดูกระบวนการของบรรดาอาจารย์ที่สำนักหอสมุดทำกันแล้ว เพื่อการปกปักษ์รักษาเอกสารโบราณเหล่านี้ ก็น่าจะทำให้ใครต่อใครอีกหลายคนที่ไม่เห็นคุณค่าของมัน รู้สึกที่อยากจะรักสมบัติของชาติเหล่านี้ขึ้นมาบ้าง หากแต่จะให้ดี คงไม่ใช่การเก็บรักษาเอาไว้เพื่อเป็นทรัพย์สมบัติส่วนตัว แต่ควรจะอยู่ในที่ที่มันควรอยู่ เช่น มาจากวัดก็ควรจะอยู่ที่วัด
ที่สำคัญคือ เอกสารโบราณเหล่านี้ แม้จะเป็นภาษาล้านนาที่อ่านไม่ออก แต่ก็เป็นสมบัติของชาติที่ควรเก็บรักษาเอาไว้ และยังมีเอกสารโบราณอีกมากมายที่ยังขาดการดูแล ถ้าจะมีหน่วยงานไหนสนใจออกทุนเพื่อจัดทำโครงการดีๆ อย่างนี้อีก ก็น่าจะเป็นเรื่องดีสำหรับประเทศชาติที่มีทรัพย์สมบัติเก่าแก่โบราณอีกมาก แต่ยังขาดซึ่งคนที่เห็นคุณค่า
รายละอียด
Tuesday, May 13, 2008
แผ่นดินไหวในจีน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเฉิงตูว่า ประชาชนเกือบ 10,000 คนเสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวจุดศูนย์กลางในมณฑลเสฉวนทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน วัดที่ระดับความรุนแรงได้ 7.9 ริกเตอร์ เหตุเกิดเมื่อประมาณ 14.28 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งถือว่าเป็นแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 30 ปีของจีน แหล่งข้อมูล
แผ่นดินไหวในจีนคร่าแล้วกว่า 8 พันศพ บาดเจ็บอีกอีกนับหมื่น สั่นสะเทือนครั้งใหญ่ 7.8 ริกเตอร์ ศูนย์ กลางมณฑลเสฉวนพังพินาศ อาคารบ้านเรือน โรง เรียน โรงพยาบาลถล่ม แรงสั่นมหาศาลลามถึงใจกลางกรุงเทพฯ ตึกสูงย่านสีลม สาทร เพลินจิต สุขุมวิท ไหวไปตามๆ กัน พนักงานออฟฟิศหนีลงจากตึกกันอลหม่าน นานอยู่ 2-3 นาทีจึงสงบ แหล่งข้อมูล
ผู้เชี่ยวชาญชี้อาฟเตอร์อีกหลายลูก
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า นายปอล เทปอนเนียร์ ผู้เชี่ยวชาญประจำสถาบันธรณีฟิสิกส์ปารีส ประเทศฝรั่งเศส อธิบายถึงสาเหตุแผ่นดินไหวถล่มมณฑลเสฉวนของจีน ว่าเกิดจากการที่ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของแผ่นเปลือกโลกใต้ที่ราบสูงทิเบตเปลี่ยนแปลง โดยเคลื่อนตัวมาทางฝั่งตะวันออกมากยิ่งขึ้น ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างทางภูมิศาสตร์ของพื้นที่ทางภาคใต้ของจีน รวมถึงพื้นที่แถบแอ่งเสฉวน คาดว่าหลังจากนี้จะเกิดแรงสั่นสะเทือนหลังแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ หรืออาฟเตอร์ช็อกตามมาอีกหลายลูก
เวลา 23.45 น. สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เขตเหวินฉวนในมณฑลเสฉวน มีประชากร 112,000 คน และเป็นพื้นที่จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวยังคงถูกตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง แม้ว่าเวลาผ่านพ้นไปแล้ว 9 ชั่วโมงหลังเกิดภัยพิบัติ เพราะระบบสื่อสารทุกชนิดใช้การไม่ได้ ขณะเดียวกันทหารนับพันนายเดินทางเข้าไปปฏิบัติหน้าที่กู้ภัยในตัวเมืองไม่ได้ เพราะเส้นทางคมนาคมเสียหายอย่างหนัก ทำให้เจ้าหน้าที่หวั่นเกรงว่าความสูญเสียด้านชีวิตและทรัพย์สินในเหวินฉวนอาจมากจนน่าสะพรึงกลัว
ภาพโศกนาฎกรรมธรณีไหว 7.6 ริกเตอร์เขย่าจีน
แผ่นดินไหวในจีนคร่าแล้วกว่า 8 พันศพ บาดเจ็บอีกอีกนับหมื่น สั่นสะเทือนครั้งใหญ่ 7.8 ริกเตอร์ ศูนย์ กลางมณฑลเสฉวนพังพินาศ อาคารบ้านเรือน โรง เรียน โรงพยาบาลถล่ม แรงสั่นมหาศาลลามถึงใจกลางกรุงเทพฯ ตึกสูงย่านสีลม สาทร เพลินจิต สุขุมวิท ไหวไปตามๆ กัน พนักงานออฟฟิศหนีลงจากตึกกันอลหม่าน นานอยู่ 2-3 นาทีจึงสงบ แหล่งข้อมูล
ผู้เชี่ยวชาญชี้อาฟเตอร์อีกหลายลูก
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า นายปอล เทปอนเนียร์ ผู้เชี่ยวชาญประจำสถาบันธรณีฟิสิกส์ปารีส ประเทศฝรั่งเศส อธิบายถึงสาเหตุแผ่นดินไหวถล่มมณฑลเสฉวนของจีน ว่าเกิดจากการที่ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของแผ่นเปลือกโลกใต้ที่ราบสูงทิเบตเปลี่ยนแปลง โดยเคลื่อนตัวมาทางฝั่งตะวันออกมากยิ่งขึ้น ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างทางภูมิศาสตร์ของพื้นที่ทางภาคใต้ของจีน รวมถึงพื้นที่แถบแอ่งเสฉวน คาดว่าหลังจากนี้จะเกิดแรงสั่นสะเทือนหลังแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ หรืออาฟเตอร์ช็อกตามมาอีกหลายลูก
เวลา 23.45 น. สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เขตเหวินฉวนในมณฑลเสฉวน มีประชากร 112,000 คน และเป็นพื้นที่จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวยังคงถูกตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง แม้ว่าเวลาผ่านพ้นไปแล้ว 9 ชั่วโมงหลังเกิดภัยพิบัติ เพราะระบบสื่อสารทุกชนิดใช้การไม่ได้ ขณะเดียวกันทหารนับพันนายเดินทางเข้าไปปฏิบัติหน้าที่กู้ภัยในตัวเมืองไม่ได้ เพราะเส้นทางคมนาคมเสียหายอย่างหนัก ทำให้เจ้าหน้าที่หวั่นเกรงว่าความสูญเสียด้านชีวิตและทรัพย์สินในเหวินฉวนอาจมากจนน่าสะพรึงกลัว
ภาพโศกนาฎกรรมธรณีไหว 7.6 ริกเตอร์เขย่าจีน
Wednesday, May 07, 2008
งานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ14 – 19 พ.ย.2551
กำหนดจัดงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ14 – 19 พ.ย.นี้ โดยวันที่ 14 พ.ย. เป็นวันงานออกพระเมรุมาศ วันที่ 15 พ.ย. เป็นวันแห่พระศพ วันที่ 16 พ.ย.เป็นวันถวายพระเพลิงพระศพฯ และวันที่ 17-19 พ.ย. เป็นวันงานที่เกี่ยวกับพระอัฐิ ซึ่งได้กำหนดการจัดงานไว้ 6 วัน ระหว่างวันที่ 14 – 19 พ.ย. 51 สำหรับการจัดงานพระราชพิธี 6 พิธี คือ งานพระราชกุศลออกพระเมรุมาศ การเชิญพระโกศออกพระเมรุมาศ การถวายพระเพลิงพระบรมศพ ฯ การเก็บพระบรมอัฐิ การพระราชกุศลพระบรมอัฐิ การบรรจุพระราชสรีรางคาร และได้พิจารณาเห็นชอบให้มีการกำหนดริ้วขบวนพระราชอิสริยยศ รวม 6 ริ้วขบวน แหล่งข้อมูล อ่านรายละเอียด
Monday, May 05, 2008
พายุไซโคลน "นาร์กิส" พัดถล่มพม่า
พม่าไม่ให้ยูเอ็นเข้าประเทศ รวมทั้งเจ้าหน้าที่สหประชาชาติที่จะเข้าไปประเมินความเสียหายเพื่อทำแผนให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูสำหรับประชาชนและท้องถิ่นต่างๆ ดูภาพความเสียหาย
พม่า:คืนที่ห้าที่ไม่มีไฟฟ้าใช้
เอกอัครราชทูตพม่าประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ในพม่านับจำนวนคนที่สูญหายได้ราว 30,000 คน นอกเหนือจากผู้ที่เสียชีวิตจำนวน 15,000 คน ตามที่สื่อของทางการรายงานก่อนหน้านี้ อันเป็นผลพวงจากไซโคลนนาร์กีส แหล่งข้อมูล
ดูภาพถ่ายจากดาวเทียมพายุไซโคลน "นาร์กิส" ระบบเตือนภัยมีปัญหา
สถานการณ์ทั่วไปในเมืองย่างกุ้ง(5 พ.ค.)ทั้งพระสงฆ์ ทหาร และประชาชน ต่างเร่งทำความสะอาดท้องถนนที่เต็มไปด้วยต้นไม้จำนวนมากที่โค่นล้มจากการถูกไซโคลน "นาร์กิส" พัดถล่ม ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตล่าสุดจากการรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ 3,934 คน บาดเจ็บ 41 คน สูญหาย 2,879 คน นอกจากนี้ ยังทำให้เมืองย่างกุ้งไม่มีไฟฟ้าและน้ำประปาใช้ อาคารบ้านเรือนหลายพันหลังพังเสียหาย มีผู้ไร้ที่อยู่อาศัยราว 98,000 คน ทั้งนี้ ชาวพม่าวัย 70 ปีคนหนึ่ง เปิดเผยว่า พายุครั้งนี้รุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี
ล่าสุดสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานโดยอ้างทีวีรัฐบาลพม่า ระบุยอดผู้เสียชีวิตที่ 3,969 คน และคาดหมายว่าจะมีผู้เสียชีวิตอีกหลายพันคน รายละเอียด
คนไทยในกรุงย่างกุ้งปลอดภัยจากพายุไซโคลนนาร์กีส
นอกจากคนไทยที่เดินทางไปท่องเที่ยวแล้ว ยังมีคนไทยที่พำนักอาศัยในกรุงย่างกุ้งระยะยาวอีกประมาณ 400 คน ซึ่งขณะนี้ไม่พบว่ามีผู้ได้รับอันตรายจากพายุดังกล่าว โดยที่การสื่อสารโทรคมนาคมในกรุงย่างกุ้งถูกตัดขาดเกือบทั้งหมด ผู้ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนต้องติดต่อ กับญาติ สามารถติดต่อไปยังสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 354-6200 ต่อ 105 หรือ 116 หรือ 119 หรือ 120 แหล่งข้อมูล
พม่า:คืนที่ห้าที่ไม่มีไฟฟ้าใช้
เอกอัครราชทูตพม่าประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ในพม่านับจำนวนคนที่สูญหายได้ราว 30,000 คน นอกเหนือจากผู้ที่เสียชีวิตจำนวน 15,000 คน ตามที่สื่อของทางการรายงานก่อนหน้านี้ อันเป็นผลพวงจากไซโคลนนาร์กีส แหล่งข้อมูล
ดูภาพถ่ายจากดาวเทียมพายุไซโคลน "นาร์กิส" ระบบเตือนภัยมีปัญหา
สถานการณ์ทั่วไปในเมืองย่างกุ้ง(5 พ.ค.)ทั้งพระสงฆ์ ทหาร และประชาชน ต่างเร่งทำความสะอาดท้องถนนที่เต็มไปด้วยต้นไม้จำนวนมากที่โค่นล้มจากการถูกไซโคลน "นาร์กิส" พัดถล่ม ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตล่าสุดจากการรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ 3,934 คน บาดเจ็บ 41 คน สูญหาย 2,879 คน นอกจากนี้ ยังทำให้เมืองย่างกุ้งไม่มีไฟฟ้าและน้ำประปาใช้ อาคารบ้านเรือนหลายพันหลังพังเสียหาย มีผู้ไร้ที่อยู่อาศัยราว 98,000 คน ทั้งนี้ ชาวพม่าวัย 70 ปีคนหนึ่ง เปิดเผยว่า พายุครั้งนี้รุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี
ล่าสุดสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานโดยอ้างทีวีรัฐบาลพม่า ระบุยอดผู้เสียชีวิตที่ 3,969 คน และคาดหมายว่าจะมีผู้เสียชีวิตอีกหลายพันคน รายละเอียด
คนไทยในกรุงย่างกุ้งปลอดภัยจากพายุไซโคลนนาร์กีส
นอกจากคนไทยที่เดินทางไปท่องเที่ยวแล้ว ยังมีคนไทยที่พำนักอาศัยในกรุงย่างกุ้งระยะยาวอีกประมาณ 400 คน ซึ่งขณะนี้ไม่พบว่ามีผู้ได้รับอันตรายจากพายุดังกล่าว โดยที่การสื่อสารโทรคมนาคมในกรุงย่างกุ้งถูกตัดขาดเกือบทั้งหมด ผู้ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนต้องติดต่อ กับญาติ สามารถติดต่อไปยังสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 354-6200 ต่อ 105 หรือ 116 หรือ 119 หรือ 120 แหล่งข้อมูล
Friday, May 02, 2008
สะพานข้ามทะเลที่ยาวที่สุดในโลก
จีนประกอบพิธีเปิดสะพานข้ามทะเลที่ยาวที่สุดในโลก โดยสะพานนี้มีความยาวทั้งสิ้น 36 กิโลเมตร และพาดผ่านอ่าวทางใต้ของเมืองเซี่ยงไฮ้ เมืองศูนย์กลางทางด้านธุรกิจทางด้านตะวันออกของประเทศ
สะพานอ่าวหางโจว ทำหน้าที่เชื่อมโยงเมืองเซี่ยงไฮ้ เข้ากับเมืองหนิงโป ซึ่งเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่ในอีกฝั่งหนึ่งของอ่าวหางโจว สะพานดังกล่าวจะช่วยลดระยะทางในการเดินทางติดต่อระหว่าง 2 เมืองนี้ลงได้ถึง 120 กิโลเมตร
หลังพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงบ่าย ที่มีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ไปทั่วประเทศ จะมีการเปิดทดลองให้รถราสามารถสัญจรไปมาได้ตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนเป็นต้นไป
สะพานแห่งนี้เริ่มต้นการก่อสร้างเมื่อปลายปี 2546 ใช้งบในการก่อสร้าง 1 หมื่น 1 พัน 800 ล้านหยวน หรือ 5 หมื่น 2 พัน 700 ล้านบาท โดยงบก่อสร้างบางส่วนมาจากการช่วยสมทบของภาคเอกชน ซึ่งเป็นการสมทบเงินครั้งแรกในโครงการระดับใหญ่ขนาดนี้
สะพานแห่งนี้ เข้ามาครอบครองสถิติเดิมคือ 32 กิโลเมตรครึ่งที่เคยเป็นของสะพานตงไห่ ที่เชื่อมโยงเซี่ยงไฮ้ กับเมืองท่าหยางชานแหล่งข้อมูล
สะพานอ่าวหางโจว ทำหน้าที่เชื่อมโยงเมืองเซี่ยงไฮ้ เข้ากับเมืองหนิงโป ซึ่งเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่ในอีกฝั่งหนึ่งของอ่าวหางโจว สะพานดังกล่าวจะช่วยลดระยะทางในการเดินทางติดต่อระหว่าง 2 เมืองนี้ลงได้ถึง 120 กิโลเมตร
หลังพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงบ่าย ที่มีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ไปทั่วประเทศ จะมีการเปิดทดลองให้รถราสามารถสัญจรไปมาได้ตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนเป็นต้นไป
สะพานแห่งนี้เริ่มต้นการก่อสร้างเมื่อปลายปี 2546 ใช้งบในการก่อสร้าง 1 หมื่น 1 พัน 800 ล้านหยวน หรือ 5 หมื่น 2 พัน 700 ล้านบาท โดยงบก่อสร้างบางส่วนมาจากการช่วยสมทบของภาคเอกชน ซึ่งเป็นการสมทบเงินครั้งแรกในโครงการระดับใหญ่ขนาดนี้
สะพานแห่งนี้ เข้ามาครอบครองสถิติเดิมคือ 32 กิโลเมตรครึ่งที่เคยเป็นของสะพานตงไห่ ที่เชื่อมโยงเซี่ยงไฮ้ กับเมืองท่าหยางชานแหล่งข้อมูล
Thursday, May 01, 2008
1 พฤษภาคมของทุกปีเป็นวันแรงงานแห่งชาติ
กระทรวงแรงงานร่วมจัดงานวันแรงงานแห่งชาติ โดยพิธีการทางศาสนาจะเริ่มที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าและหลังจากนั้นจะมีริ้วขบวนเดินไป ณ บริเวณท้องสนามหลวง ด้านผู้ใช้แรงงานเตรียมยื่น 9 ข้อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี รายละเอียด
ความเป็นมาของวันแรงงาน
สำหรับความเป็นมาของวันแรงงานแห่งชาตินั้น ได้ถือกำเนิดมากว่า 100 ปี โดยในปี พ.ศ. 2433 สหพันธ์แรงงานอเมริกันหรือ AFL ได้เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐอเมริกาในขณะนั้นจำกัดชั่วโมงการทำงานให้เหลือวันละไม่เกิน 8 ชั่วโมง หรือสัปดาห์หนึ่งไม่เกิน 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ การเรียกร้องดังกล่าวส่งผลให้เกิดการเรียกร้องระบบสามแปดทั่วโลกคือทำงาน 8 ชั่วโมง ศึกษา 8 ชั่วโมง และพักผ่อน 8 ชั่วโมง ต่อมาได้มีการประชุมสภาสังคมนิยมสากลที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ที่ประชุมได้มีมติสนับสนุนข้อเรียกร้องของสมาพันธ์แรงงานอเมริกันและกำหนดให้สหภาพแรงงานต่างๆทั้งในยุโรปและอเมริกาจัดชุมนุมเดินขบวนพร้อมกันในวันที่ 1 พฤษภาคม 2433 การชุมนุมดังกล่าวสามารถเรียกร้องระบบสามแปดได้สำเร็จ ดังนั้นกรรมกรในประเทศต่างๆทั่วโลกถือเอาวันที่ 1 พฤษภาคม เป็นวันกรรมกรสากล
ประเทศไทยได้มีการจัดวันกรรมกรแห่งชาติขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2490 ซึ่งเป็นปีที่ผู้ใช้แรงงานได้รวมตัวกันก่อตั้งเป็นสมาคมขึ้น และหลังจากนั้นไม่ได้มีการจัดงานดังกล่าวอีกเป็นเวลา 8 ปี เนื่องจากรัฐบาลไม่อนุญาต และได้มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มกรรมกร 16 หน่วย ซึ่งได้มีการประชุมร่วมกันกับฝ่ายรัฐบาลและในที่สุดได้มีการเห็นชอบและเปลี่ยนชื่อวันกรรมกรเป็นวันแรงงานแห่งชาติ โดยการกำหนดให้วันที่ 1 พฤษภาคม ของทุกปีเป็นวันแรงงานแห่งชาติ และในปี พ.ศ.2500 ก็ได้มีการประกาศให้ลูกจ้างมีสิทธิหยุดงานประจำปีในวันแรงงานแห่งชาติอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามการจัดงานวันแรงงานแห่งชาติก็ไม่ได้ดำเนินการอย่างต่อ เนื่องจากบรรยากาศทางการเมืองไม่เอื้ออำนวยและในปี 2501 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ออกประกาศยกเลิกพระราชบัญญัติแรงงาน พ.ศ.2499 จึงมีผลให้การฉลองวันแรงงานสิ้นสุดลง ทั้งนี้การเฉลิมฉลองวันแรงงานแห่งชาติได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งในปี พ.ศ.2513 และได้ดำเนินการต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
รัฐบาลได้กำหนดให้วันที่ 1 พฤษภาคมของทุกปีเป็นวันแรงงานแห่งชาติ ตามคณะพรรคสังคมนิยมระหว่างชาติได้กำหนดไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2432 โดยประเทศในยุโรปส่วนมากก็กำหนดวันที่ 1 พฤษภาคม เป็นวันแรงงาน ในวันนี้ผู้ใช้แรงงานส่วนใหญ่จะได้รับอนุญาตจากนายจ้างให้หยุดงานได้ 1 วันเพื่อเฉลิมฉลองและตระหนักถึงหน้าที่ความสำคัญของผู้ใช้แรงงาน แหล่งข้อมูล
Labor Day is a United States federal holiday that takes place on the first Monday in September. The holiday began in 1882, originating from a desire by the Central Labor Union to create a day off for the "working man". It is still celebrated mainly as a day of rest and marks the symbolic end of summer for many. Labor Day became a federal holiday by Act of Congress in 1894 Source
ประวัติของวันแรงงาน: History of Labor Day
ความเป็นมาของวันแรงงาน
สำหรับความเป็นมาของวันแรงงานแห่งชาตินั้น ได้ถือกำเนิดมากว่า 100 ปี โดยในปี พ.ศ. 2433 สหพันธ์แรงงานอเมริกันหรือ AFL ได้เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐอเมริกาในขณะนั้นจำกัดชั่วโมงการทำงานให้เหลือวันละไม่เกิน 8 ชั่วโมง หรือสัปดาห์หนึ่งไม่เกิน 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ การเรียกร้องดังกล่าวส่งผลให้เกิดการเรียกร้องระบบสามแปดทั่วโลกคือทำงาน 8 ชั่วโมง ศึกษา 8 ชั่วโมง และพักผ่อน 8 ชั่วโมง ต่อมาได้มีการประชุมสภาสังคมนิยมสากลที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ที่ประชุมได้มีมติสนับสนุนข้อเรียกร้องของสมาพันธ์แรงงานอเมริกันและกำหนดให้สหภาพแรงงานต่างๆทั้งในยุโรปและอเมริกาจัดชุมนุมเดินขบวนพร้อมกันในวันที่ 1 พฤษภาคม 2433 การชุมนุมดังกล่าวสามารถเรียกร้องระบบสามแปดได้สำเร็จ ดังนั้นกรรมกรในประเทศต่างๆทั่วโลกถือเอาวันที่ 1 พฤษภาคม เป็นวันกรรมกรสากล
ประเทศไทยได้มีการจัดวันกรรมกรแห่งชาติขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2490 ซึ่งเป็นปีที่ผู้ใช้แรงงานได้รวมตัวกันก่อตั้งเป็นสมาคมขึ้น และหลังจากนั้นไม่ได้มีการจัดงานดังกล่าวอีกเป็นเวลา 8 ปี เนื่องจากรัฐบาลไม่อนุญาต และได้มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มกรรมกร 16 หน่วย ซึ่งได้มีการประชุมร่วมกันกับฝ่ายรัฐบาลและในที่สุดได้มีการเห็นชอบและเปลี่ยนชื่อวันกรรมกรเป็นวันแรงงานแห่งชาติ โดยการกำหนดให้วันที่ 1 พฤษภาคม ของทุกปีเป็นวันแรงงานแห่งชาติ และในปี พ.ศ.2500 ก็ได้มีการประกาศให้ลูกจ้างมีสิทธิหยุดงานประจำปีในวันแรงงานแห่งชาติอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามการจัดงานวันแรงงานแห่งชาติก็ไม่ได้ดำเนินการอย่างต่อ เนื่องจากบรรยากาศทางการเมืองไม่เอื้ออำนวยและในปี 2501 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ออกประกาศยกเลิกพระราชบัญญัติแรงงาน พ.ศ.2499 จึงมีผลให้การฉลองวันแรงงานสิ้นสุดลง ทั้งนี้การเฉลิมฉลองวันแรงงานแห่งชาติได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งในปี พ.ศ.2513 และได้ดำเนินการต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
รัฐบาลได้กำหนดให้วันที่ 1 พฤษภาคมของทุกปีเป็นวันแรงงานแห่งชาติ ตามคณะพรรคสังคมนิยมระหว่างชาติได้กำหนดไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2432 โดยประเทศในยุโรปส่วนมากก็กำหนดวันที่ 1 พฤษภาคม เป็นวันแรงงาน ในวันนี้ผู้ใช้แรงงานส่วนใหญ่จะได้รับอนุญาตจากนายจ้างให้หยุดงานได้ 1 วันเพื่อเฉลิมฉลองและตระหนักถึงหน้าที่ความสำคัญของผู้ใช้แรงงาน แหล่งข้อมูล
Labor Day is a United States federal holiday that takes place on the first Monday in September. The holiday began in 1882, originating from a desire by the Central Labor Union to create a day off for the "working man". It is still celebrated mainly as a day of rest and marks the symbolic end of summer for many. Labor Day became a federal holiday by Act of Congress in 1894 Source
ประวัติของวันแรงงาน: History of Labor Day
Subscribe to:
Posts (Atom)