ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) กล่าวว่า จากการที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นห่วงการจัดเก็บเอกสารโบราณ การจัดทำทะเบียน การให้บริการของห้องจัดเก็บเอกสารโบราณ และห้องหนังสือหายาก
สำนักหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากรนั้น เมื่อเร็วๆ นี้ นายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ รมว.วัฒนธรรมได้ให้ตนไปตรวจเยี่ยมสำนักหอสมุดแห่งชาติ โดยเฉพาะห้องจัดเก็บเอกสารโบราณ พบว่า สถานที่จัดเก็บเอกสารโบราณยังไม่เพียงพอและคับแคบ เนื่องจากหอสมุดแห่งชาติมีเอกสารโบราณมากถึง 5 แสนฉบับ ทั้งนี้วธ.จึงตั้งงบประมาณปี2552 จำนวน20 ล้านบาทเพื่อนำมาพัฒนาห้องจัดเก็บเอกสารโบราณให้เป็นระเบียบสามารถสืบค้นได้ง่าย มีระบบป้องกันไฟที่สามารถเตือนและป้องกันเพลิงไหม้อย่างสมบูรณ์แบบ มีเครื่องปรับอุณหภูมิสามารถทำงานได้ตลอด 24 ชม. และมีพื้นที่จัดเก็บเอกสารอย่างเพียงพอและให้หอสมุดแห่งชาติ เตรียมทำสำเนาเอกสารโบราณในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้ประชาชนสามารถสืบค้นได้ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ในการป้องกันเอกสารเก่าชำรุดเสียหาย
-ทำคู่มือตั้งหอจดหมายเหตุท้องถิ่น
นายอนุสรณ์วงศ์วรรณ รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า ได้มอบนโยบายให้สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร และสำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม จัดทำคู่มือการจัดตั้งหอจดหมายเหตุท้องถิ่นและการจัดทำบันทึกจดหมายเหตุเหตุการณ์สำคัญขึ้น จำนวน 3,000 เล่มเพื่อมอบให้แก่ท้องถิ่นไว้ศึกษา ในการจัดทำหอจดหมายเหตุท้องถิ่น รวมทั้งได้ศึกษาวิธีการรวบรวมข้อมูลเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในท้องถิ่น ซึ่งเห็นว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะถ้าเด็กไม่รู้รากเหง้าของท้องถิ่นชุมชน จะทำให้ไม่มีความรักและภูมิใจในท้องถิ่นของตนเอง
นายวีระโรจน์พจนรัตน์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่าในปี 2551 วธ.จะส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ชุมชนจัดตั้งหอจดหมายเหตุในท้องถิ่นให้มีมากขึ้น เนื่องจากในประเทศไทยมีหอจดหมายเหตุท้องถิ่นมีอยู่น้อยมาก และมีหอจดหมายเหตุแห่งชาติประจำจังหวัดเพียง 10 แห่งเท่านั้นดังนั้น วธ.จะสนับสนุนงบประมาณและองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการหอจดหมายเหตุแก่ท้องถิ่น เพื่อชาวบ้าน รวมทั้งหน่วยงานราชการในท้องถิ่นร่วมกันจัดตั้งหอจดหมายเหตุให้เกิดเป็นรูปธรรม