Friday, February 27, 2009

มูลนิธินวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศจัดอันดับให้ประเทศสิงคโปร์เป็นผู้นำด้านการคิดค้นนวัตกรรม

มูลนิธินวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศจัดอันดับให้ประเทศสิงคโปร์เป็นผู้นำด้านการคิดค้นนวัตกรรมและมีความสามารถในการแข่งขันสูงที่สุดในโลกประจำปี 2009 ดึงเกาหลีใต้ลงมาอยู่อันดับ 5 เหนือกว่ายักษ์ใหญ่สหรัฐอเมริกาที่ถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 6 ขณะที่แดนปลาดิบคว้าอันดับ 9 ในครอง

มูลนิธิ Information Technology and Innovation Foundation หรือ ITIF ประกาศอันดับประเทศผู้นำด้านนวัตกรรมในกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา โดยนอกจากสิงคโปร์ เกาหลีใต้ สหรัฐฯ และญี่ปุ่น ประเทศอื่นๆที่ถูกจัดให้อยู่ใน 10 อันดับแรกของโลกประจำปี 2009 ได้แก่ อันดับที่ 2 สวีเดน, อันดับ 3 ลักเซมเบิร์ก, อันดับ 4 เดนมาร์ก, อันดับที่ 7 ฟินแลนด์ อันดับที่ 8 อังกฤษ และอันดับที่ 10 คือเขตการค้าเสรีอเมริกาเหนือหรือ North American Free Trade Agreement (NAFTA) ซึ่งคลุมพื้นที่ประเทศแคนนาดา เม็กซิโก และสหรัฐฯ

ประเทศใหญ่ๆในเอเชียแปซิฟิกนั้นถูกจัดอยู่ใน 40 อันดับแรก ได้แก่ ออสเตรเลีย อันดับที่ 19, จีน อันดับที่ 33 ขณะที่อินเดียอยู่ในอันดับที่ 40 โดย 15 ประเทศยุโรปตะวันตกในกลุ่มสหภาพยุโรปหรือที่เรียกรวมว่า EU-15 นั้นถูกจัดเป็นอันดับที่ 18

ITIF เป็นองค์กรเพื่อการพัฒนาไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดซึ่งมีสำนักงานอยู่ในกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา โดยการจัดอันดับประเทศชั้นนำด้านนวัตกรรมที่เกิดขึ้นนั้น ITIF พิจารณาจาก 16 ประเด็นก่อนจะนำคะแนนมาคำนวณเป็นดัชนีเพื่อจัดอันดับ ได้แก่ ความสามารถของทรัพยกรบุคคล ความสามารถในการคิดค้นนวัตกรรม การระดมทุน โครงสร้างระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ นโยบายเศรษฐกิจ และประสิทธิภาพการจัดการระบบเศรษฐกิจในประเทศ

จุดนี้ ITIF ระบุว่า หากรวบรวมดัชนีคะแนนตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (ตั้งแต่ปี 1999-2009) ประเทศจีนกลับได้คะแนนสูงสุด เหนือกว่าสหรัฐฯที่คิดเป็นลำดับที่ 40 โดยสิงคโปร์จะอยู่ในอันดับ 2 ตามมาด้วยลิธัวเนีย เอสโทเนีย เดนมาร์ก ลักเซมเบิร์ก สโลวาเนีย รัสเซีย ไซปรัส และญี่ปุ่น โดยประเทศอินเดียได้อันดับที่ 14 เกาหลีใต้อยู่ที่ 17 และออสเตรเลียในอันดับที่ 32

ขณะที่ประเทศกลุ่มยุโรป EU-15 นั้นถูกจัดเป็นอันดับที่ 28 หากคำนวณคะแนนตั้งแต่ปี 1999 เป็นต้นมา

ร็อบ แอดคินสัน (Rob Atkinson) ประธาน ITIF ให้ความเห็นว่า การศึกษาครั้งนี้ยึดหลักพิจารณาความสามารถในการแข่งขันและการคิดค้นนวัตกรรมของแต่ละประเทศโดยใช้ปัจจัยหลายส่วนประกอบกัน ไม่ได้พิจารณาเฉพาะความสามารถด้านเศรษฐกิจหรือนโยบายอย่างเดียว ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญมากในภาวะเศรษฐกิจโลกปัจจุบัน

แอดคินสันบอกว่า แม้ที่ผ่านมาสหรัฐฯจะมีศักยภาพในทุกด้านดีมากหากเทียบกับประเทศอื่นๆในโลก แต่การศึกษาพบว่ามีประเทศมากมายรวมถึงยุโรปที่มีพัฒนาการรวดเร็วกว่าสหรัฐฯ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ เชื่อว่าประเทศในกลุ่ม EU-15 จะสามารถแซงหน้าสหรัฐฯในแง่ความสามารถด้านการแข่งขันเชิงนวัตกรรมได้ภายในปี 2020 หรืออีก 11 ปีข้างหน้า

ไม่ใช่เพียงยุโรป กลุ่ม ITIF ระบุว่า 39 ประเทศที่เหลือใน 40 อันดับสุดยอดประเทศนวัตกรรมล้วนพัฒนาองค์ความรู้และเศรษฐกิจเพื่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมได้เร็วกว่าสหรัฐฯ แน่นอนว่าผลที่เกิดขึ้นคือ ความสามารถในการแข่งขันเชิงนวัตกรรมของสหรัฐฯกำลังจะถึงช่วงขาลงหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป แหล่งข้อมูล