การให้ทาน สูตรสำเร็จแห่งชีวิตคือทาน
โบราณจารย์ท่านสอนว่า การให้ทานมี 3 ลักษณะคือ ให้เพื่อสงเคราะห์ ให้เพื่ออนุเคราะห์ และให้เพื่อทำบุญ
การให้เพื่อสงเคราะห์และอนุเคราะห์ เรียกอีกอย่างว่า ให้แบบทำบุญ เพราะเป็นการให้เพื่อบุญคุณ หรือหวังผลตอบแทน เช่น เราให้ของขวัญ ให้รางวัล เลี้ยงข้าว เลี้ยงเหล้า แก่ใคร เราก็ว่าเราให้โดยไม่หวังผลตอบแทนอะไร แต่ในส่วนลึกแห่งดวงใจเรายังทวง "บุญคุณ" อยู่เงียบๆ อย่างน้อยก็อยากให้เขารู้สึกขอบบุญขอบคุณในน้ำใจไมตรีของเรา ลองคิดดีๆ จะเห็นเองครับ ถ้าเราไม่เข้าข้างตัวเองเกินไป
การให้อะไรแก่ใครแล้วหวังผลตอบแทน ไม่ถือว่าให้เพื่อทำบุญ ไม่ช่วยให้จิตใจสูงหรือสะอาดขึ้น เพราะแทนที่จะกะเทาะความโลภให้หลุดไปจากจิตสันดานกลับพอกให้หนาขึ้น ทำไปทำมา นักทำบุญแบบนี้จะกลายเป็นนักลงทุนหรือนักค้าบุญไปโดยไม่รู้ตัว อ่านรายละเอียด
Sunday, April 19, 2009
Thursday, April 09, 2009
คุณภาพเด็กไทยโอเน็ตตกต่ำ
ศธ.ตื่นแก้คุณภาพเด็กไทยโอเน็ตตกต่ำ [8 เม.ย. 52 - 06:12]
จากการประกาศผลสอบแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐานหรือโอเน็ต ซึ่งสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ได้เปิดให้นักเรียนยื่นเรื่องขอดูกระดาษคำตอบได้ในวันที่ 7 เม.ย.นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดช่วงเช้าวันที่ 7 เม.ย. มีนักเรียน ม.6 เดินทางมายื่นคำร้องขอดูกระดาษคำตอบอย่างต่อเนื่องประมาณ 200 คน ซึ่งผู้ที่ยื่นเรื่องในวันนี้ จะดูกระดาษคำตอบได้ในวันที่ 9 เม.ย.
ด้าน ศ.ดร.อุทุมพร จามรมาน ผอ.สทศ. กล่าวว่า สทศ.จัดให้เด็กมาดูกระดาษคำตอบได้วันละ 400 คน และคาดว่าคงมีนักเรียนมาดูคะแนนประมาณ 400 คน นอกจากนี้ สทศ.ได้รับบัตรสนเท่ห์ว่า ในการสอบโอเน็ตนักเรียน ป.6 มีบางโรงเรียนครูบอกคำตอบเด็ก ซึ่ง สทศ.ก็ส่งเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบ และเมื่อผลการสอบออกมา หากพบว่ามีโรงเรียน 10 โรง ซึ่งคะแนนในปีนี้สูงแบบพรวดพราดและค่าคะแนนกระจุก ไม่กระจาย ซึ่งน่าสงสัยว่าจะมีการบอกคำตอบ สทศ.ได้ทำหนังสือถึง ผอ.เขตพื้นที่การศึกษาแล้ว และคุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ก็ได้ขอดูข้อมูลดังกล่าวด้วย
ด้านคุณหญิง กษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการกพฐ. กล่าวว่า สาเหตุที่เด็กทำคะแนนโอเน็ตได้น้อย คือ 1. ความตั้งใจของเด็กที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัย 2. เด็กยังไม่คุ้นเคยกับข้อสอบแนวคิดวิเคราะห์ 3. คุณภาพการเรียนการสอนของครูและสื่อการสอนยังไม่ดีพอ ในวันที่ 8 เม.ย. ทาง สพฐ.จะประชุมเพื่อวิเคราะห์ปัญหานี้
ส่วนนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ยอมรับว่าคะแนนของเด็กไทยตกเกณฑ์และต้องได้รับการพัฒนา โดยในวันที่ 9 เม.ย.นี้ จะประชุมร่วมกับคณะกรรมการการเพื่อแก้ไขปัญหาการเรียนการสอน รายวิชา วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และภาษาไทย โดยได้เพิ่มวิชาภาษาอังกฤษและสังคม เพื่อสรุปและเสนอให้ที่ประชุม ศธ.พิจารณาต่อไป ด้าน ศ.ดร.สมหวัง พิธิยานุวัฒน์ ผอ.สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา กล่าวว่า รัฐบาลต้องเร่งพัฒนาคุณภาพครู ตั้งแต่กระบวนการผลิตโดยคัดเลือกคนดีคนเก่งมาเรียนครู ส่วน รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า คงถึงเวลาที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ควรจะต้องลงมาดูแลคุณภาพการศึกษาด้วยตนเองแล้ว. แหล่งข้อมูล
จากการประกาศผลสอบแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐานหรือโอเน็ต ซึ่งสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ได้เปิดให้นักเรียนยื่นเรื่องขอดูกระดาษคำตอบได้ในวันที่ 7 เม.ย.นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดช่วงเช้าวันที่ 7 เม.ย. มีนักเรียน ม.6 เดินทางมายื่นคำร้องขอดูกระดาษคำตอบอย่างต่อเนื่องประมาณ 200 คน ซึ่งผู้ที่ยื่นเรื่องในวันนี้ จะดูกระดาษคำตอบได้ในวันที่ 9 เม.ย.
ด้าน ศ.ดร.อุทุมพร จามรมาน ผอ.สทศ. กล่าวว่า สทศ.จัดให้เด็กมาดูกระดาษคำตอบได้วันละ 400 คน และคาดว่าคงมีนักเรียนมาดูคะแนนประมาณ 400 คน นอกจากนี้ สทศ.ได้รับบัตรสนเท่ห์ว่า ในการสอบโอเน็ตนักเรียน ป.6 มีบางโรงเรียนครูบอกคำตอบเด็ก ซึ่ง สทศ.ก็ส่งเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบ และเมื่อผลการสอบออกมา หากพบว่ามีโรงเรียน 10 โรง ซึ่งคะแนนในปีนี้สูงแบบพรวดพราดและค่าคะแนนกระจุก ไม่กระจาย ซึ่งน่าสงสัยว่าจะมีการบอกคำตอบ สทศ.ได้ทำหนังสือถึง ผอ.เขตพื้นที่การศึกษาแล้ว และคุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ก็ได้ขอดูข้อมูลดังกล่าวด้วย
ด้านคุณหญิง กษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการกพฐ. กล่าวว่า สาเหตุที่เด็กทำคะแนนโอเน็ตได้น้อย คือ 1. ความตั้งใจของเด็กที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัย 2. เด็กยังไม่คุ้นเคยกับข้อสอบแนวคิดวิเคราะห์ 3. คุณภาพการเรียนการสอนของครูและสื่อการสอนยังไม่ดีพอ ในวันที่ 8 เม.ย. ทาง สพฐ.จะประชุมเพื่อวิเคราะห์ปัญหานี้
ส่วนนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ยอมรับว่าคะแนนของเด็กไทยตกเกณฑ์และต้องได้รับการพัฒนา โดยในวันที่ 9 เม.ย.นี้ จะประชุมร่วมกับคณะกรรมการการเพื่อแก้ไขปัญหาการเรียนการสอน รายวิชา วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และภาษาไทย โดยได้เพิ่มวิชาภาษาอังกฤษและสังคม เพื่อสรุปและเสนอให้ที่ประชุม ศธ.พิจารณาต่อไป ด้าน ศ.ดร.สมหวัง พิธิยานุวัฒน์ ผอ.สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา กล่าวว่า รัฐบาลต้องเร่งพัฒนาคุณภาพครู ตั้งแต่กระบวนการผลิตโดยคัดเลือกคนดีคนเก่งมาเรียนครู ส่วน รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า คงถึงเวลาที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ควรจะต้องลงมาดูแลคุณภาพการศึกษาด้วยตนเองแล้ว. แหล่งข้อมูล
Friday, April 03, 2009
G 20 มีมติอัดฉีดเงิน5ล้านล้าน$ กู้วิกฤติเศรษฐกิจ
บรรดาผู้นำโลกทั้ง 20 ประเทศในที่ประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำและกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ 20 ประเทศ (จี20) ได้เสร็จสิ้นการประชุมร่วมกัน ด้วยการให้คำมั่นสัญญา อัดฉีดเงินก้อนใหญ่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่จำนวน 5 ล้านล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ยังเห็นพ้องร่วมมือกันปราบปรามแหล่งหลบเลี่ยงภาษี และเข้าถึงระบบการจ่ายเงินของภาคธุรกิจเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามเร่งรับมือกับวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ ที่ประชุมสุดยอดจี 20 ระบุว่า จะเพิ่มเติมเงินให้แก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสถาบันการเงินหรือหน่วยงานด้านการค้าอื่นๆ จำนวนกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อให้นำไปช่วยเหลือประเทศที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจ
นายกอร์ดอน บราวน์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ระบุว่า ภายในปี 2553 กลุ่มจี20 จะใช้เงิน 5 ล้านล้านดอลลาร์รับมือกับวิกฤติเศรษฐกิจ พร้อมทั้งชื่นชมว่าดำเนินการครั้งนี้คือการเริ่มต้นสร้างระเบียบโลกใหม่ และว่า บรรดาผู้นำทั้ง 20 ประเทศ สามารถตกลงกันได้ใน 6 ประเด็นใหญ่ๆ คือ การปฏิรูประบบธนาคาร, การแก้ปัญหาหนี้เสียของธนาคาร, การฟื้นฟูการเติบโตของเศรษฐกิจโลก, การคุมเข้มด้านการตรวจสอบภาคการเงินทั่วโลก การช่วยเหลือด้านการเงินเพื่อสนับสนุนการค้าระหว่างประเทศ, การช่วยเหลือประเทศยากจนและการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ ที่ประชุม ยังเห็นพ้องให้มีการคุมเข้มในการตรวจสอบกองทุนเฮดจ์ฟันด์, ใช้มาตรฐานระบบบัญชีระหว่างประเทศ, ดำเนินการเพื่อปราบปรามแหล่งพักพิงของพวกหลบเลี่ยงภาษี ซึ่งไม่ยอมแจ้งข้อมูลเมื่อได้รับการร้องขอ
"โอบามา"ยกย่องสร้างจุดเปลี่ยนฟื้นศก.โลก
นายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐ ยกย่องการประชุมสุดยอดจี 20 โดยกล่าวว่าการที่บรรดาผู้นำในที่ประชุม ต่างเห็นชอบในข้อตกลงต่าง ๆ ที่จะช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจ และป้องกันไม่ให้วิกฤติที่รุนแรงเช่นครั้งนี้เกิดขึ้นอีก ถือเป็นการประชุมครั้งประวัติศาสตร์ เนื่องจากวิกฤติเศรษฐกิจที่โลกกำลังเผชิญนั้นใหญ่หลวง และจะนำมาซึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญในการฟื้นเศรษฐกิจโลก และยังชื่นชมผู้นำประเทศในการประชุมจี 20 ที่ต่อต้านนโยบายกีดกันทางการค้า และสามารถประสานความแตกต่างทางความคิดให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้
รายงานข่าวระบุด้วยว่า ประธานาธิบดีโอบามามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งที่ช่วยให้ข้อตกลงในที่ประชุมจี 20 บรรลุผล โดยเฉพาะการแก้ไขความเห็นที่แตกต่างกันของฝรั่งเศสและจีน เกี่ยวกับประเด็นการจัดการปัญหาเรื่องแหล่งหลบซ่อนภาษี
ฝรั่งเศส-เยอรมนีร่วมชื่นชมผลสำเร็จจี20
นายนิโกลาส์ ซาร์โกซี ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ซึ่งก่อนหน้านี้เคยออกมาขู่จะเดินออกจากที่ประชุม หากผลการประชุมออกมาไม่เป็นที่น่าพอใจ ยอมรับว่าการประชุมครั้งนี้บรรลุผลอย่างน่าพอใจกว่าที่เขาคาดคิดไว้ และว่าหมดเวลาแล้วที่การดำเนินการของธนาคารและสถาบันการเงินจะเป็นความลับที่ไม่สามารถตรวจสอบได้อีกต่อไป
ขณะที่นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวว่า ที่ประชุมจี 20 ครั้งนี้ นำมาซึ่งการบรรลุข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์ ที่ประชุมกลุ่มจี 20 เห็นชอบในมาตรการรับมือวิกฤติเศรษฐกิจร่วมกันมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรวมถึงการเพิ่มทุนให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ อีก 2 เท่า เป็น 750,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ วางกฎระเบียบกับสถาบันการเงิน รวมถึงกิจกรรมของกองทุนเก็งกำไรต่าง ๆ ให้เข้มงวดมากขึ้น และดำเนินมาตรการเข้มงวดกับประเทศต่าง ๆ ที่ถูกใช้เป็นแหล่งหลบภาษี
แหล่งข้อมูล
นอกจากนี้ ยังเห็นพ้องร่วมมือกันปราบปรามแหล่งหลบเลี่ยงภาษี และเข้าถึงระบบการจ่ายเงินของภาคธุรกิจเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามเร่งรับมือกับวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ ที่ประชุมสุดยอดจี 20 ระบุว่า จะเพิ่มเติมเงินให้แก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสถาบันการเงินหรือหน่วยงานด้านการค้าอื่นๆ จำนวนกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อให้นำไปช่วยเหลือประเทศที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจ
นายกอร์ดอน บราวน์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ระบุว่า ภายในปี 2553 กลุ่มจี20 จะใช้เงิน 5 ล้านล้านดอลลาร์รับมือกับวิกฤติเศรษฐกิจ พร้อมทั้งชื่นชมว่าดำเนินการครั้งนี้คือการเริ่มต้นสร้างระเบียบโลกใหม่ และว่า บรรดาผู้นำทั้ง 20 ประเทศ สามารถตกลงกันได้ใน 6 ประเด็นใหญ่ๆ คือ การปฏิรูประบบธนาคาร, การแก้ปัญหาหนี้เสียของธนาคาร, การฟื้นฟูการเติบโตของเศรษฐกิจโลก, การคุมเข้มด้านการตรวจสอบภาคการเงินทั่วโลก การช่วยเหลือด้านการเงินเพื่อสนับสนุนการค้าระหว่างประเทศ, การช่วยเหลือประเทศยากจนและการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ ที่ประชุม ยังเห็นพ้องให้มีการคุมเข้มในการตรวจสอบกองทุนเฮดจ์ฟันด์, ใช้มาตรฐานระบบบัญชีระหว่างประเทศ, ดำเนินการเพื่อปราบปรามแหล่งพักพิงของพวกหลบเลี่ยงภาษี ซึ่งไม่ยอมแจ้งข้อมูลเมื่อได้รับการร้องขอ
"โอบามา"ยกย่องสร้างจุดเปลี่ยนฟื้นศก.โลก
นายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐ ยกย่องการประชุมสุดยอดจี 20 โดยกล่าวว่าการที่บรรดาผู้นำในที่ประชุม ต่างเห็นชอบในข้อตกลงต่าง ๆ ที่จะช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจ และป้องกันไม่ให้วิกฤติที่รุนแรงเช่นครั้งนี้เกิดขึ้นอีก ถือเป็นการประชุมครั้งประวัติศาสตร์ เนื่องจากวิกฤติเศรษฐกิจที่โลกกำลังเผชิญนั้นใหญ่หลวง และจะนำมาซึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญในการฟื้นเศรษฐกิจโลก และยังชื่นชมผู้นำประเทศในการประชุมจี 20 ที่ต่อต้านนโยบายกีดกันทางการค้า และสามารถประสานความแตกต่างทางความคิดให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้
รายงานข่าวระบุด้วยว่า ประธานาธิบดีโอบามามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งที่ช่วยให้ข้อตกลงในที่ประชุมจี 20 บรรลุผล โดยเฉพาะการแก้ไขความเห็นที่แตกต่างกันของฝรั่งเศสและจีน เกี่ยวกับประเด็นการจัดการปัญหาเรื่องแหล่งหลบซ่อนภาษี
ฝรั่งเศส-เยอรมนีร่วมชื่นชมผลสำเร็จจี20
นายนิโกลาส์ ซาร์โกซี ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ซึ่งก่อนหน้านี้เคยออกมาขู่จะเดินออกจากที่ประชุม หากผลการประชุมออกมาไม่เป็นที่น่าพอใจ ยอมรับว่าการประชุมครั้งนี้บรรลุผลอย่างน่าพอใจกว่าที่เขาคาดคิดไว้ และว่าหมดเวลาแล้วที่การดำเนินการของธนาคารและสถาบันการเงินจะเป็นความลับที่ไม่สามารถตรวจสอบได้อีกต่อไป
ขณะที่นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวว่า ที่ประชุมจี 20 ครั้งนี้ นำมาซึ่งการบรรลุข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์ ที่ประชุมกลุ่มจี 20 เห็นชอบในมาตรการรับมือวิกฤติเศรษฐกิจร่วมกันมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรวมถึงการเพิ่มทุนให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ อีก 2 เท่า เป็น 750,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ วางกฎระเบียบกับสถาบันการเงิน รวมถึงกิจกรรมของกองทุนเก็งกำไรต่าง ๆ ให้เข้มงวดมากขึ้น และดำเนินมาตรการเข้มงวดกับประเทศต่าง ๆ ที่ถูกใช้เป็นแหล่งหลบภาษี
แหล่งข้อมูล
Subscribe to:
Posts (Atom)