Tuesday, December 29, 2009

จัดหาก๊าซธรรมชาติปี 2552-2558

ที่ประชุมบอร์ด กพช. เห็นชอบ แผน จัดหาก๊าซธรรมชาติปี 2552-2558 รองรับความต้องการที่ขยายตัวทั้งภาคไฟฟ้า อุตสาหกรรมและขนส่ง

วันที่ 28 ธ.ค. นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า กพช. เห็นชอบแผนการจัดหาก๊าซธรรมชาติ ปี 2552-2558 เพื่อรองรับความต้องการก๊าซธรรมชาติ ที่จะเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติของไทย จะอยู่ที่ 5,142 ล้าน ลูกบาศก์ฟุตต่อวันในปี 2558 จากภาคการไฟฟ้า ตามแผนกำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ.2551-2564 (พีดีพี 2007ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 2) โดยประมาณจากโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงที่จะเข้าระบบในปี 2552-2558 ประมาณ 6,890 เมกกะวัตต์ รวมถึงแผนการขยายการใช้ก๊าซธรรมชาติทั้งในภาคอุตสาหกรรม ที่อัตราเติบโตเฉี่ย 11% ต่อปี ภาคการขนส่ง อัตราเติบโตเฉลี่ย 23% ต่อปี และ การก่อสร้างโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 6 รวมทั้งการก่อสร้างโรงแยกก๊าซอีเทนของ บริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) ซึ่ง ปตท. มีแผนจัดหาก๊าซธรรมชาติเพิ่มเติมจากอ่าวไทย และนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งมีแผนนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี)

นพ.วรรณรัตน์​ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นชอบลงนามสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติแหล่งซอติก้าจากประเทศพม่า ซึ่งสามารถผลิตก๊าซธรรมชาติในเชิงพาณิชย์ ได้ประมาณ 300 ล้าน ลูกบาศก์ฟุตต่อวัน แบ่งเป็นขายในประเทศพม่า 60 ลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และเป็นสัญญาซื้อขายกับไทยในปริมาณที่เหลือ 240 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน โดยจะพัฒนาและพร้อมผลิตก๊าซธรรมชาติได้ตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นไป นอกจากนี้ได้เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) การรับซื้อไฟฟ้าโครงการน้ำงึม 3 จากประเทศลาว ซึ่งมีกำลังการผลิตติดตั้ง 440 เมกกะวัตต์ โดยได้มอบหมายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นำร่างเอ็มโอยู ที่เห็นชอบแล้วไปลงนามร่วมกับผู้ลงทุนต่อไป อีกทั้งเห็นชอบการเดินงานของกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า โดยให้คณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ที่ครบวาระ 2 ปี ยังคงบริหารงานกองทุนฯ ต่อไปได้อีกระยะหนึ่ง จนกว่าจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ตามระเบียบการส่งเงินและการใช้จ่ายเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้า ทั้งนี้การดำเนินงานของกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ขณะนี้อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านไปภายใต้กองทุนพัฒนาไฟฟ้าซึ่งอยู่ในกำกับดุแลของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ซึ่งอยู่ระหว่างร่างระเบียบคาดแล้วเสร็จเดือน ก.พ. 2553
แหล่งข้อมูล